เจาะกลยุทธ์โมชิ โมชิ ผู้นำสินค้าไลฟ์สไตล์ไทย มั่นใจตลาดโตแรง กำลังซื้อคืน

เจาะกลยุทธ์โมชิ โมชิ ผู้นำสินค้าไลฟ์สไตล์ไทย มั่นใจตลาดโตแรง กำลังซื้อคืน

เจาะกลยุทธ์ โมชิ โมชิ ผู้นำสินค้าไลฟ์สไตล์ไทย วางเป้า 3 ปีมีสาขาในไทยครบ 165 สาขา ผุดสาขาใหม่ต่างประเทศ รุกแฟรนไชส์ ส่วนยอดขายต้นปีโตแข็งแกร่ง แรงหนุนจากกิจกรรมการตลาด ร่วมจัดงานวันเด็ก ร่วมเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตวงบอยแบนด์ K-POP ชื่อดัง NCT DREAM

จากการทรานฟอร์มองค์กรตลอดที่ผ่านมาร่วม 40 ปี ทำให้ร้านโมชิ โมชิ ที่เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว ด้วยการจำหน่ายสินค้าเครื่องเขียน กิ๊ฟช็อป ขยายไปสู่การเปิดร้านค้าส่งในย่านสำเพ็ง มาจนถึงการจัดตั้งบริษัท และเริ่มสร้างโมเดลธุรกิจไปสู่การจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจร พร้อมปรับไปสู่บริษัทมหาชน และมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นําธุรกิจร้านค้าปลีกและค้าส่งสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของไทยภายใต้แบรนด์ “Moshi Moshi” เปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ในปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการ กลับมาใช้ชีวิตที่ปกติของผู้คนในประเทศ และกลุ่มคนทำงานที่กลับมาทำงานในออฟฟิศมากขึ้น รวมถึงการเปิดประเทศรอบใหม่ โดยประเมินว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคนภายในปีนี้

เจาะกลยุทธ์โมชิ โมชิ ผู้นำสินค้าไลฟ์สไตล์ไทย มั่นใจตลาดโตแรง กำลังซื้อคืน Cr : โมชิ โมชิ 

ขณะเดียวกันภาพรวมยอดขายสินค้าในร้าน โมชิ โมชิ ตั้งแต่ต้นปี 2566 ที่ผ่านมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง ทั้งมาจากการเปิดสาขาใหม่ในจังหวัดที่ยังไม่เคยเปิด การรุกทำกิจกรรมการตลาด การร่วมจัดกิจกรรมวันเด็ก การได้เข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ในคอนเสิร์ต NCT DREAM ศิลปินวงบอยแบนด์ K-POP ชื่อดัง จึงช่วยสร้างยอดขายโดยรวมมีการเติบโตที่ดี 

“ในช่วงต้นปีมีการจัดกิจกรรมการตลาดทั้งในช่วงวันเด็ก ที่ไม่ได้จัดมาสองปีแล้ว ทำให้ภาพรวมยอดขายในเดือน ม.ค.มีการเติบโต ต่อเนื่องมาจนถึงในเดือน ก.พ.ได้เข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์ของคอนเสิร์ต NCT DREAM ศิลปินเกาหลี สร้างผลตอบรับที่ดี และเป็นผลดีต่อเนื่องกับยอดขายที่เติบโตดีเช่นกัน”

 

เจาะกลยุทธ์โมชิ โมชิ ผู้นำสินค้าไลฟ์สไตล์ไทย มั่นใจตลาดโตแรง กำลังซื้อคืน
วางเป้า 3 ปีเปิดสาขาให้ครบ 165 สาขา 
บริษัทได้วางกลยุทธ์ที่จะขยายสาขาใหม่จำนวน 20 สาขาต่อปี ทำให้ภายใน 3 ปีข้างหน้าหรือในปี 2568 จะมีสาขาเปิดให้บริการรวม 165 สาขาในไทย จากปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการรวม 125 สาขา โดยการเลือกเปิดสาขาจะเน้นขนาดกลาง ประมาณ 200 ตร.ม.มากขึ้น และจะเน้นการเปิดสาขาที่เป็นเดี่ยว หรือ แบบสแตน อะโลน

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ และการเปิดสาขาใหม่ในต่างประเทศ คาดว่าจะเริ่มเห็นแผนที่ชัดเจนกับการขยายแฟรนไชส์และการเปิดในต่างประเทศปี 2567 ตามแนวโน้มสินค้าไลฟ์สไตล์ที่กำลังขยายตัว

เดินหน้าคอลแลปเพิ่มฐานแฟนกลุ่มใหม่ๆ 
อีกทั้ง มีแผนจะมีการออกสินค้าใหม่รวมกว่า 8,000 รายการในปีนี้ จากปัจจุบันมีสินค้ารวมกว่า 2.20 หมื่นรายการ โดยการเปิดตัวสินค้าใหม่จะมีทั้งรูปแบบการได้รับไลนเซนส์จากแบรนด์ดัง เช่น ดิสนีย์ ที่มีคาแรคเตอร์ต่างๆ ได้แก่ Disney's Mickey & Friends, Disney's Winnie The Pooh, Pixar's Monster Inc, Disney's Tsum Tsum เป็นต้น  รวมถึงได้รับลิขสิทธิ์จาก ©2003 Peanuts Worldwide LLC สำหรับคาแรคเตอร์ SnoopyTM และ Sanrio สำหรับคาแรคเตอร์ Hello Kitty 


พร้อมกันนี้มีแผนร่วมมือคอลแลปกับศิลปินไทย เพื่อเพิ่มกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ๆ รวมถึงจะมีการจัดทำระบบสมาชิกในไตรมาสที่สามของปีนี้

เปิดกลยุทธ์สร้างแบรนด์สู่ผู้นำตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ทำให้บริษัทสามารถสร้างองค์กรขยายตัวต่อเนื่อง มาจากทั้ง

  • การเป็นร้านไลฟ์สไตล์ที่มีสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยในปัจจุบันมีสินค้ารวม 12 กลุ่ม อาทิ ของใช้ในบ้าน กระเป๋า เครื่องเขียน เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
  • การกำหนดราคาสินค้าที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้สะดวก ภายใต้การเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
  • การมีทีมออกแบบและดีไซน์สินค้าภายในองค์กรที่มีความเข้าใจตลาดและความต้องการของกลุ่มลูกค้า
  • การปรับเปลี่ยนสินค้าในร้านให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และสามารถปรับเปลี่ยนสินค้าใหม่ได้รวดเร็ว
  • การดีไซน์ร้านให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเสมอ
  • การวางแผนบริหารจัดการต้นทุนภายในองค์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 คาดว่าจะสร้างการเติบโตที่ 20% จากในปี 2565 ที่สร้างยอดขายรวมได้ 1,890 ล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์ และเป็นผู้นำในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 37.6% ในปีที่ผ่านมา

ส่วนสาขาที่เปิดให้บริการในปัจจุบันมีรวม 125 สาขาใน 41 จังหวัด และเป็นร้าน GIANT จำนวน 1 สาขา ที่ห้างแพลตตินั่มแฟชั่นมอลล์ โดยเป็นร้านค้าปลีกแบบมีส่วนลดสินค้าทั่วไปที่เน้นการใช้งาน (Function) ในชีวิตประจำวัน