"ท่องเที่ยว" กองหน้าเศรษฐกิจไทย! บุกทะลวงทวง "ยุคทอง" ทัวริสต์ 40 ล้านคน

"ท่องเที่ยว" กองหน้าเศรษฐกิจไทย! บุกทะลวงทวง "ยุคทอง" ทัวริสต์ 40 ล้านคน

“ภาคท่องเที่ยว” รับตำแหน่ง “กองหน้า” ของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลุยทวงคืน “ยุคทอง” ที่ปี 2562 เคยสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3 ล้านล้านบาท หลังตัวเลขของภาคส่งออกติดลบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปัจจุบัน

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หากเปรียบเป็นกีฬาฟุตบอล ภาคท่องเที่ยวในฐานะ "กองหน้า" ของเศรษฐกิจไทย ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการลากเลื้อย หาช่องว่างเข้าทำประตู ตีตลาดให้สำเร็จ! บรรลุเป้าหมายปี 2566 สร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว 2.38 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนวิกฤติโควิด-19 โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-30 ล้านคน ส่วนรายได้จากตลาดในประเทศ 8.8 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทยไม่น้อยกว่า 160 ล้านคน-ครั้ง

ภายใต้ “ปีท่องเที่ยวไทย 2566” (Visit Thailand Year 2023: Amazing New Chapters) ททท.ได้วางธีมการทำตลาดใหม่ "Keep Travelling, Amazing Again" ให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ภาคท่องเที่ยวยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ “ออกเดินทาง” (Keep Travelling) อย่างต่อเนื่อง!

\"ท่องเที่ยว\" กองหน้าเศรษฐกิจไทย! บุกทะลวงทวง \"ยุคทอง\" ทัวริสต์ 40 ล้านคน

ด้วยการส่งเสริมตลาดร่วมกับสายการบินให้กลับมาทำการบิน 80% จากทั้งการฟื้นเส้นทางบินเก่า เปิดเส้นทางบินใหม่ และให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) พร้อมผลักดันอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ย 80-90%

“เรามองว่าความสำเร็จไม่ใช่แค่การฟื้นปริมาณเที่ยวบินกลับมา แต่หมายรวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง (Ease of Travelling) ด้วย เพราะตอนนี้ยังเกิดปัญหาคอขวดที่สนามบิน ขาดแคลนแรงงาน กระทบต่อการให้บริการนักท่องเที่ยว”

ขณะเดียวกัน ททท.ต้องสื่อสารการตลาดและทำแบรนดิ้งให้ประเทศไทย สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี หรือ “Thailand All Year Round” ปิดช่องความแตกต่างของกระแสนักท่องเที่ยวระหว่างไฮซีซันกับโลว์ซีซัน พร้อมโปรดักต์ระดับไฮไลต์เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน! โดยเฉพาะ “ซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power) ทั้ง 5F : Food Film Fashion Festival Fight ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนออกเดินทาง

ส่วนการทวงคืน “ความมหัศจรรย์” ให้กลับมาอีกครั้ง (Amazing Again) มีทั้งมิติเป้าหมายฟื้นจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ให้กลับไปเท่าเดิม ดั่งเช่น “ยุคทอง” เมื่อปี 2562 ซึ่งเคยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน ทำรายได้มากเป็นอันดับ 4 ของโลก! พร้อมร่วมมือกับผู้ประกอบการ ปรับเปลี่ยนจากโปรดักต์แคตตาล็อก เป็น “เมนูประสบการณ์” สร้างความมหัศจรรย์ใจแก่นักท่องเที่ยวซึ่งต่างคาดหวังได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า จากการกลับมาซื้อสินค้าท่องเที่ยวบริการในระดับราคาใกล้เคียงหรือสูงกว่าปี 2562

หลังจากในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (1 ม.ค.- 28 ก.พ.) สถานการณ์ท่องเที่ยวภาพรวมยังคงฟื้นตัวดีต่อเนื่อง มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยสะสม 4.2 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 1.42 แสนล้านบาท ทำให้ ททท.เชื่อว่าจะยังเห็นภาพ “เที่ยวล้างแค้น” ไปอีกสักพัก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว “ตลาดจีน” ที่ต้องรอการฟื้นตัวชัดเจนในช่วงตารางบินฤดูร้อนนี้

ล่าสุด ททท.ได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว เพื่อชงข้อเสนอแก่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่ออายุมาตรการขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่า จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.2566 ขยายมาตรการให้สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2566 ทั้งแบบฟรีวีซ่า ขยายระยะเวลาพำนักจากเดิมไม่เกิน 30 วัน เป็นไม่เกิน 45 วัน และแบบวีซ่าหน้าด่าน (Visa on Arrival: VoA) ขยายจากเดิมไม่เกิน 15 วัน เป็นไม่เกิน 30 วัน

ด้านนักท่องเที่ยว “ตลาดยุโรป” ประเมินว่าจะยังคงออกเดินทางแม้มี “ปัจจัยลบ” รุมเร้า! ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังงานปรับสูงขึ้น โดย ททท.ตั้งเป้าหมายปีนี้มีนักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางมาไทย 6 ล้านคน ฟื้นตัว 80% จากเคยได้ถึง 8 ล้านคนเมื่อปี 2562 ใช้จ่ายเฉลี่ย 70,000 บาทต่อคนต่อทริป สร้างรายได้ราว 4.2 แสนล้านบาท ปัจจุบันนักท่องเที่ยวยุโรปจากหลายประเทศมีจำนวนวันพักเฉลี่ยเกิน 20 วันหลังไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบ เพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยพักไม่น้อยกว่า 18 วัน

“จากการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานต่างประเทศ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ได้สั่งการว่าต้องจับปลาตัวใหญ่ ใช้จ่ายคุณภาพ พร้อมปรับกลยุทธ์ให้ ททท.สำนักงานดูไบ ดึงนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมาช่วยเติมในเดือน ก.ค.-ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซันที่ตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปตกท้องช้าง โดยจะได้นักท่องเที่ยวจีนมาช่วยพยุงภาพรวมตลาดต่างชาติเที่ยวไทยอีกแรง”

ยุทธศักดิ์ เล่าเพิ่มเติมว่า ททท.ได้เข้าร่วมงาน Internationale Tourismus Borse หรือ “ITB Berlin” ซึ่งเป็นมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่อันดับ 1 และสำคัญที่สุดของโลก จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 56 ณ ศูนย์การจัดนิทรรศการ Messe Berlin Exhibition Ground กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 7-9 มี.ค. ในครั้งนี้ ททท. ได้เข้าร่วมงาน ITB Berlin เป็นครั้งที่ 48 นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 70 ราย พร้อมด้วยการบินไทยและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เข้าร่วมงานเพื่อเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการจาก 180 ประเทศทั่วโลก

“ประเทศไทยยังคงยืนหนึ่งในการเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวยุโรป และน่าจะเป็น Preferred Destination ในช่วง 1-2 ปีนี้ หลังจากนั้นต้องติดตามว่าประเทศไหน เช่น ภายในภูมิภาคอาเซียน จะเข้ามาเป็นตลาดเกิดใหม่ คู่แข่งของประเทศไทย”