ส่อง 7 ทศวรรษกลุ่มธุรกิจ 'JASPAL' เจน 3 นำทัพผงาดผู้นำแฟชั่นเหนือกาลเวลา

ส่อง 7 ทศวรรษกลุ่มธุรกิจ 'JASPAL'  เจน 3 นำทัพผงาดผู้นำแฟชั่นเหนือกาลเวลา

ผ่าอาณาจักร 7 ทศวรรษกลุ่มธุรกิจ 'JASPAL' ทายาทรุ่น 3 นำทัพผงาดเหนือกาลเวลา พุ่งเป้า ริจินัล รีเทลเลอร์ ‘แฟชั่น&ไลฟ์สไตล์’ แนะสูตรสำเร็จ ปรับตัวตลอดเวลา ไม่โอเวอร์ อินเวสเมนต์! พร้อมต่อยอดตำนานที่ยิ่งใหญ่แบรนด์สัญชาติไทยเจาะตลาดศักยภาพมุ่งสู่แบรนด์ระดับสากล

  • 75 ปี กลุ่มธุรกิจยัสปาลจาก 'พาหุรัด' ปักหมุด 'สยามเซ็นเตอร์' แจ้งเกิดแบรนด์ 'JASPAL' บูทิคแฟชั่น Ready-to-wear สไตล์คลาสสิค...เหนือกาลเวลา
  • ทายาทรุ่น 3 เคลื่อนธุรกิจมุ่งสู่  'Fashion & Lifestyle Regional Retailers'
  • วางยุทธศาสตร์ขยายตลาดไทย-ต่างประเทศ ลุย M&A เติมแบรนด์ใหม่เข้าพอร์ต เล็งแบรนด์ที่มีคาแรคเตอร์ทั้งในยุโรป อเมริกา เอเชีย รวมถึงไทย
  • ต่อจิ๊กซอว์แบรนด์ไลฟ์สไตล์ ปั้นเรือธง C.P.S. COFFEE นำร่อง วางแผนปูพรม 30 สาขาใน 5 ปี 

กิจการเก่าแก่ 75 ปี นับจาก พ.ศ.2490 กลุ่มธุรกิจยัสปาลก่อกำเนิดขึ้นในประเทศไทยโดย 'ยัสปาล ซิงห์' ปักหมุดย่านพาหุรัด กรุงเทพฯ ด้วยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ผ้าลินินและเครื่องนอนคุณภาพสูงมาจำหน่าย ก่อนที่จะแจ้งเกิดแบรนด์ 'JASPAL' บูทิคแฟชั่น Ready-to-wear สไตล์คลาสสิค อยู่เหนือกาลเวลา 

โดยเปิดร้านครั้งแรกที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สร้างชื่อ! ให้ JASPAL เป็นหนึ่งในลิสต์ของแฟชั่นนิสต้าแห่งยุค ติดลมบนทำเนียบแบรนด์ดังแห่งแวดวงแฟชั่นเมืองไทยนับจากนั้นจวบจนวันนี้ 

พร้อมเดินหน้าขยายกลุ่มธุรกิจแฟชั่นที่มีแบรนด์ฮิตนำเทรนด์อย่าง 'CPS CHAPS' อยู่ในพอร์ตโฟลิโอ

นำสู่ก้าวรุกจัดตั้งบริษัท ยัสปาล จำกัด ด้วยวิสัยทัศน์ ผู้นำธุรกิจผู้ค้าปลีกแฟชั่นของไทยและเอเชีย ในปี 2530 

พร้อมทยอยคลอดแบรนด์ต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะ LYN, CC DOUBLE O, Lyn around, Jelly Bunny, Misty Mynx, ROYAL IVY REGATTA, QUINN, C.P.S. COFFEE และ LYN Beauty

รวมทั้งยังเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นระดับโลก อาทิ FRED PERRY, Melissa, Shoebar, ASICS และ DIESEL

ปัจจุบัน อาณาจักรแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ของยัสปาลมีเครือข่ายมากกว่า 400 แห่งในประเทศไทย และอีกกว่า 70 แห่งในต่างประเทศ

ทายาทรุ่น 3 นำทัพบุกเต็มสูบแต่ไม่โอเวอร์อินเวสเมนต์

วันนี้กลุ่มธุรกิจยัสปาล ยังคงเป็นธุรกิจครอบครัว 100% ภายใต้การขับเคลื่อนของทายาทรุ่น 3 นำทัพโดย วิเศษ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ 1 และ ยศเทพ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ 3 บริษัท ยัสปาล จำกัด ผู้ออกแบบและจัดจำหน่ายแบรนด์เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แอคเซสเซอรี่ และสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ร่วมกันย้ำถึงการยืดหยัดธุรกิจมาอย่างยาวนานผ่านหลายวิกฤติการณ์และการเปลี่ยนแปลงแต่ละยุคสมัยมาด้วยเคล็ดลับง่ายๆ 

ส่อง 7 ทศวรรษกลุ่มธุรกิจ \'JASPAL\'  เจน 3 นำทัพผงาดผู้นำแฟชั่นเหนือกาลเวลา

“ปรับตัวตลอดเวลา ไม่ โอเวอร์ อินเวสเมนต์! แต่ต้องลงทุนกับแบรนด์ สร้าง Value ให้กับสินค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญ"

ที่ผ่านมากลุ่ม JASPAL มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องด้านไอที โลจิสติกส์ บุคลากร และการบริหารจัดการทางด้านการเงินมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญสนับสนุนให้โครงสร้างหลังบ้านแข็งแรง ทำให้ธุรกิจ Move On ได้อย่างราบรื่น

ผนวกกับการบ่มเพาะสร้าง DNA ของแต่ละแบรนด์ให้แข็งแกร่งเป็น Core Value ทำให้กลุ่มธุรกิจ JASPAL มีความแตกต่างจากคู่แข่ง! ที่อาจจะ Survive ไม่ได้ในตลาดซึ่งเต็มไปด้วยแบรนด์ที่มาเร็ว-ไปเร็ว

“ตลาดแฟชั่นไทยมีหลายเซ็กเมนต์ทั้งแมส ลักชัวรี เราเป็นเบอร์ 1 ในตลาด Affordable คืออีกกลยุทธ์สำคัญในการแข่งขัน”

สองหัวเรือใหญ่ ร่วมกันฉายยุทธศาสตร์ “กลุ่มธุรกิจยัสปาล” สู่อนาคตต่อไปว่า

"มุ่งขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้วยแบรนด์ที่เปี่ยมศักยภาพในมือ พร้อมมองหาแบรนด์ใหม่เข้าพอร์ตด้วยกลยุทธ์ควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions : M&A) ซึ่งสนใจแบรนด์ที่มีคาแรคเตอร์ทั้งในยุโรป อเมริกา และภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทย ส่วนใหญ่เป็นโลคัลแบรนด์ของประเทศนั้นๆ"

สิ่งที่ขาดไม่ได้ และเป็นโอกาสใหม่ที่สำคัญของตลาดเวลานี้ นั่นคือ การเติมเต็ม “ไลฟ์สไตล์” ผ่านการต่อยอดจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง! อย่างเช่น C.P.S. COFFEE เป็นโปรเจกต์ยักษ์นำร่อง พร้อมการขยายสาขามากขึ้น

เป็นการรุกตลาดใหม่ ที่ยังมองไปถึงกลุ่มฟู้ด เช่น ร้านอาหาร รวมทั้งกลุ่มแฟชั่นเด็ก ที่อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเลือกต่อจิ๊กซอว์ให้แบรนด์ใด?

รวมถึงการรี-โพสิชั่นนิ่ง 'JASPAL HOME' ยกระดับสู่ซูเปอร์ลักชัวรี เบื้องต้นเตรียมเปิดแฟลกชิฟสโตร์แรกใจกลางกรุงเทพฯ ในปี 2566 บนพื้นที่อย่างต่ำ 500 ตารางเมตร

“เราค่อนข้างระวังในเรื่องการลงทุน ไม่เปิดสาขาที่ไม่มั่นใจ แต่จากนี้ไปจะเพิ่มการลงทุนมากขึ้น เพราะหลังเปิดประเทศมีโอกาสมากขึ้น เรามองโอกาสที่สัมพันธ์ไปกับแวลูที่มี”

การสร้างแวลูให้กับธุรกิจ หรืออีกนัยหนึ่ง คือการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้วงการแฟชั่น!  ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมาก ช่วยตอกย้ำแบรนด์สด ใหม่ ทันสมัย ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะการทำคอลลาบอเรชันกับแบรนด์ระดับโลกและศิลปินดัง เช่น JASPAL x Karl Lagerfeld, JASPAL × Smiley, JASPAL X Diane von Fürstenberg

รวมถึงการคว้าลิขสิทธิ์ Official Licensed Products ของมหกรรมกีฬาระดับโลก 'FIFA WORLD CUP QATAR 2022' สร้างสรรค์เป็นคอลเลกชั่นพิเศษของ JASPAL เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อยทีเดียว 

ส่อง 7 ทศวรรษกลุ่มธุรกิจ \'JASPAL\'  เจน 3 นำทัพผงาดผู้นำแฟชั่นเหนือกาลเวลา

ตำนานที่ยิ่งใหญ่แบรนด์ครึ่งศตรวรษสัญชาติไทย JASPAL

หากย้อนไปในปี 2565 ที่ผ่านมา นับเป็นปีพิเศษแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของแบรนด์ JASPAL ที่วางหมาก..สานต่อความเป็น 'ตำนานที่ยิ่งใหญ่' ของแบรนด์สัญชาติไทย และพร้อมเติบโตก้าวสู่แบรนด์ระดับสากลอย่างแข็งแกร่ง

ภารกิจและเป้าหมายแห่งอนาคตของกลุ่มธุรกิจยัสปาลมุ่งสู่ 'Fashion & Lifestyle Regional Retailers' จะมีการลงทุนต่อเนื่องใน 2566 นี้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท สำหรับการเปิดสาขาใหม่กว่า 30 แห่งภายใต้แบรนด์ต่างๆ

พร้อมทำการตลาดเชิงรุกทั้งช่องทางออฟไลน์-ออนไลน์ ในประเทศไทยและต่างประเทศที่จะระดมแบรนด์ในเครือปักหมุดสร้างฐานใหญ่ในประเทศ 'เวียดนาม' ตลาดแห่งศักยภาพและโอกาส!  ด้วยพลังของฐานประชากรเกือบ 100 ล้านคน รวมทั้งบุกตลาด มาเลเซีย และกัมพูชา 

“เวียดนามเป็นตลาดใหญ่มีประชากรมากกว่า 95 ล้านคน มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวของเมือง ผู้บริโภคชาวเวียดนามมองว่าสินค้าไทยมีคุณภาพสูงและราคาที่สมเหตุสมผล และชาวเวียดนามชอบทดลองใช้สินค้าใหม่ๆ”

เกมรุกของกลุ่มธุรกิจยัสปาลจะผลักดันยอดขายทะยานแตะ 10,000 ล้านบาทได้ในเร็ววัน จากปี 2565 มั่นใจทะลุเป้าหมาย 8,000 ล้านบาท กลับมาเทียบเคียงก่อนวิกฤติโควิด เป็นพลังและแรงส่งในการเปิดเกมรุกช่วงชิงตลาดแฟชั่นเครื่องแต่งกายที่แต่ละประเทศยังมีการเติบโตต่อเนื่องหลังยุคโควิดนี้

แฟชั่นสตรีครองตลาดใหญ่สุดทุกประเทศ

หากพิจารณาจากข้อมูล www.statista.com ระบุว่าตลาดเครื่องแต่งกายในประเทศไทยมีมูลค่าราว 5.94 พันล้านดอลลาร์ เติบโตเฉลี่ยต่อปี 4.96% โดยที่เครื่องแต่งกายสตรีเป็นตลาดใหญ่สุดมูลค่า 3.07 พันล้านดอลลาร์ และ79% ของยอดขายในตลาดเสื้อผ้ามาจากกลุ่ม Non-Luxury

ขณะที่ 'เวียดนาม' ตลาดมีมูลค่า 5.91 พันล้านดอลลาร์น้อยกว่าประเทศไทยเพียงเล็กน้อย แต่มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่าเฉลี่ย 5.54% ต่อปี โดยเครื่องแต่งกายสตรี มีมูลค่า 2.95 พันล้านดอลลาร์97% ของยอดขายในตลาดเสื้อผ้ามาจากกลุ่ม Non-Luxury

ส่วนทั่วโลกตลาดเครื่องแต่งกายปี 2565 มีมูลค่า 1.53 ล้านล้านดอลลาร์ เติบโตต่อปี 5.48%เครื่องแต่งกายสตรี มีมูลค่า 0.79 พันล้านดอลลาร์ และ95% ของยอดขายมาจากกลุ่ม Non-Luxury

คว้าสิทธิ์ผู้จัดหน่ายแบรนด์ DIESEL ในไทยและเวียดนาม

อีกหนึ่งแบรนด์ใหญ่ที่เข้ามาอยู่ในพอร์ตธุรกิจของกลุ่มบริษัท JASPAL นั่นคือ  DIESEL (ดีเซล) แฟชั่นแบรนด์ดังสัญชาติอิตาลี ที่มีฐานลูกค้าชื่นชอบทั่วโลก โดยได้รับสิทธิ์ทำตลาดในประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งได้มีการปักหมุดเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ประเทศไทย Strategic Location ที่สำคัญ เพราะเป็นศูนย์การค้าที่มี Traffic จำนวนมากทั้งจากกลุ่มคนไทย และยังเป็นโกลบอลเดสติเนชั่น จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งมีศักยภาพในการจับจ่ายสูง และเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของแบรนด์ DIESEL

อนันต์ สิงห์สัจจเทศ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ยัสปาล จำกัด กล่าวว่า การเป็นผู้นำ Regional Fashion and Lifestyle Retailer นอกจากการเติบโตกลุ่ม In– house แฟชั่นแบรนด์แล้ว

"เราพร้อมเดินหน้าธุรกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นระดับโลกไปยังประเทศในอาเชียนอีกด้วย โดยมีเป้าหมายเป็นกลุ่มแบรนด์แฟชั่นระดับพรีเมี่ยม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า"

ทั้งนี้ เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงได้คว้าสิทธิ์ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย และเวียดนาม ของแบรนด์ DIESEL ซึ่งเป็นแฟชั่นแบรนด์ดังระดับพรีเมี่ยมสัญชาติอิตาลีที่มีฐานกลุ่มลูกค้าติดตามทั่วโลก

“การได้รับสิทธิ์บริหาร DIESEL ซึ่งเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมระดับโลกทั้งประเทศไทย และเวียดนามนั้น นับเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในฐานะแฟชั่นรีเทลเลอร์ระดับภูมิภาค ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดแฟชั่น พร้อมจะบริหารแบรนด์ระดับโลกให้ประสบความสำเร็จได้ทั้งในตลาดประเทศไทยและอาเชียน” 

DIESEL เป็นแบรนด์แฟชั่นที่สามารถสร้างอิมแพ็คให้กับวงการแฟชั่นได้ในระดับโลก จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์กางเกงยีนส์รุ่น 90 ที่แปรเปลี่ยนมาเขย่าวงการแฟชั่นในชั่วข้ามคืน ด้วยแฟชั่นไอเทมจี๊ดจ๊าดหลากหลายชิ้น มีการนำโลโก้ตัว D โฉมใหม่มาเป็นสัญลักษณ์ในการออกแบบเสื้อผ้า และแอคเซสซอรี่อย่างลงตัว ทั้งนี้ ภายใต้แนวคิด ‘For Successful Living’ ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของ DIESEL เป็นการสื่อสารไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อเตือนให้โลกรู้ว่า การใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จนั้นหมายถึงการซื่อสัตย์ต่อตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องสูญเสียความเป็นตัวเองจนเกินไป โดยแนวคิดนี้ได้สะท้อนลงในดีไซน์ทุกองค์ประกอบของแบรนด์ ทั้งการปรับใช้โลโก้ที่หลากหลายขึ้น อย่าง Oval D Logo ที่สามารถพบเห็นได้ในไอเทมหลากหลายชิ้นไม่ว่าจะเป็น DIESEL 1DR Bag หนึ่งในกระเป๋าที่ผู้หญิงหลายคนต้องการที่สุด หรือเข็มขัด Oval D logo ที่เข้าสู่ตลาดแฟชั่นได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการสร้างปรากฎการณ์กระแสแฟชั่น Y2K ให้กลับมาได้รับความนิยม มีชีวิตชีวาในแวดวงแฟชั่นอีกครั้ง

โดยในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดร้าน DIESEL ที่ Takashimaya ในประเทศเวียดนามเป็นแห่งแรก และในส่วนของประเทศไทยนั้น เริ่มวางจำหน่ายสินค้า DIESEL ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า ซึ่งได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีต่อเนื่อง

สำหรับ DIESEL แฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในไทย ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ออกแบบตกแต่งภายใต้แนวคิด Sunshine ซึ่งเป็นการผสมผสานสีแดงและขาวทั่วทั้งร้านให้ความรู้สึกเกินจริง แต่ก็สะท้อนตัวตนความแกร่งได้อย่างลงตัว พร้อมเปิดตัวคอลเลกชั่นสปริง-ซัมเมอร์ 2023 ล่าสุด ซึ่งมีแฟชั่นไอเทมให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้เลือกสรรอย่างครบถ้วน ทั้งไลน์เสื้อผ้าต่าง ๆ ที่มี Super D Logo กางเกงยีนส์ที่เป็น Must-have ไอเทม รวมไปถึงกระเป๋า เข็มขัด รองเท้า ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่ลูกค้ามีความต้องการสูงมาก

“การเปิด DIESEL แฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์นั้น บริษัทฯ วางแผนให้เป็น Strategic Location ที่สำคัญ เพราะเป็นศูนย์การค้าที่มี Traffic จำนวนมากทั้งจากกลุ่มคนไทย และยังเป็นโกลบอลเดสติเนชั่น จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งมีศักยภาพในการจับจ่ายสูง และเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของแบรนด์ DIESEL” นายอนันต์ กล่าวสรุป

ก้าวรุกอาเซียนส่งมอบประสบการณ์ใหม่

ยศเทพ สิงห์สัจจเทศ ขยายความถึงยุทธศาสตร์รุกตลาดต่างประเทศว่า หลายประเทศในอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจสูง! ลูกค้ามีกำลังซื้อ และมีไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบแฟชั่นที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย

การเข้าลงทุนของกลุ่มธุรกิจ JASPAL ในแต่ละประเทศนั้น ได้มีการจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารจัดการคุณภาพสินค้า บริการ และแนวทางการสื่อสารการตลาดอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้ลูกค้าในแต่ละประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

ปัจจุบัน การบริหารร้านค้าแฟชั่นใน 3 ประเทศหลักรวม 70 ร้าน ได้แก่กัมพูชาประกอบด้วยแบรนด์ ลิน (LYN), ซีซี ดับเบิลโอ (CC DOUBLE O), เจลลี บันนี (Jelly Bunny), ลิน อราวด์ (Lyn around), ซีพีเอส แชปส์ (CPS CHAPS), ลินบิวตี้ (LYN BEAUTY), แมงโก (MANGO), ซูเปอร์ดราย (Super Dry), เฟรด เพอร์รี่ (FRED PERRY), แชมเปี้ยน (Champion), เอสิคส์ (ASICS) และ นิว อีรา (NEW ERA)

ส่วนเวียดนามได้แก่แบรนด์ ลิน, ลิน บิวตี้, เจลลี บันนี, ลิน อราวด์, เฟรด เพอร์รี่ และดีเซล (DIESEL) ขณะที่มาเลเชียบริหารแบรนด์ เจลลี บันนี

“ปีที่ผ่านมา กลุ่ม In-House หรือแบรนด์ที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง ได้เปิดตัว ลิน บิวตี้ ที่เวียดนามทั้งรูปแบบร้านค้าและช่องทางออนไลน์ ต่อยอดความสำเร็จในไทยในกลุ่มแบรนด์นำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศต่างๆ มีขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน เช่น เปิดร้าน เฟรด เพอร์รี่แห่งแรกในเวียดนามและกัมพูชา เปิดร้าน นิว อีราในกัมพูชา และ ดีเซล ในเวียดนาม รวมไปถึงการเปิดตัว StudioJPS.com เว็บไซต์จำหน่ายสินค้าแฟชั่นในรูปแบบของมัลติแบรนด์ที่กัมพูชา”

ก้าวรุกปี 2566 นี้กลุ่ม In-House ชูแบรนด์เรือธง ทั้ง ลิน, ซีซี ดันเบิลโอ, เจลลี บันนี, ลิน อราวด์, ซีพีเอส แชปส์ และยัสปาล (JASPAL) เป็นแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าแข็งแกร่งในประเทศไทย และได้เปิดตัวในต่างประเทศบ้างแล้ว โดยจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งแบบร้านค้าและอีคอมเมิร์ช เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งแบรนด์ยัสปาล จะเปิดร้านแรกที่กัมพูชาภายในไตรมาสแรกนี้

สำหรับกลุ่มแบรนด์นำเข้าซึ่งเน้นทำตลาดกลุ่มแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม และกลุ่มสปอร์ตแบรนด์ ประกอบอ้วย แมงโก,ซูเปอร์ดราย, เฟรด เพอร์รี่, แชมเปี้ยน, เอสิคส์, ดีเซล และนิว อีราให้หลายประเทศในอาเชียน จะมีการขยายสาขาแบรนด์ต่างๆ ตั้งอยู่ในภายในศูนย์การค้าชั้นนำของแต่ละประเทศนอกจากพิจารณาถึงโลเกชั่นของศูนย์การค้าที่จะเปิดร้านแล้ว ยังเลือกพื้นที่ในศูนย์การค้าที่มีทราฟฟิกคึกคักเพื่่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าอีกด้วย

มาพร้อมการออกแบบร้านค้าที่สวยงาม การจัดวางสินค้าที่ลงตัวตามมาตรฐาน เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์อย่างชัดเจน รวมไปถึงพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในการแนะนำสินค้าสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

รุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่อยอด

ขณะที่ 'อีคอมเมิร์ซ' เป็นอีกช่องทางสำคัญที่ยัสปาลเชี่ยวชาญครอบคลุม 4 แพลตฟอร์ม รวมกว่า 27 ช่องทางในอาเซียนตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างได้อย่างครอบคลุม ทั้งพฤติกรรมการชอปปิงของลูกค้า และการเติบโตของตลาดแต่ละประเทศ ได้แก่

1.เว็บไซต์เฉพาะของแต่ละแบรนด์

2.มาร์เก็ตเพลสยอดนิยมในแต่ละประเทศอาทิ Lazada, Shopee และ Zalola

3.มัลติแบรนด์เว็บไซต์คือ StudioJPS.com ที่มีจำหน่ายสินค้าหลากหลายแบรนด์ภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มยัสปาล ซึ่งเปิดบริการแล้วที่กัมพูชา

4.โซเชียลคอมเมิร์ซ เช่น Facebook, TikTok และ LINE

“แต่ละแพลตฟอร์มบริษัทฯ มีทีมงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแต่ละแพลตฟอร์มเป็นผู้บริหารจัดการ เพื่อให้สามารถข้าถึงลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้อย่างแท้จริง โดยมาเลเซียและเวียดนาม นับเป็นประเทศที่มีสัดส่วนรายได้จากอีคอมเมิร์ซสูง 9-10%”

Statista คาดว่าปี 2566 ตลาดเครื่องแต่งกายของประเทศไทยจะเติบโต 3.1% จากปีก่อน ขณะที่ เวียดนาม เติบโต 7.7% กัมพูชา7.5% มาเลเซีย 8.2% และฟิลิปปินส์ 11.1%

การขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนจะต่อยอดสานเป้าหมายผู้นำRegional Fashion and Lifestyle Retailerอย่างแข็งแกร่งของยัสปาล!

ส่อง 7 ทศวรรษกลุ่มธุรกิจ \'JASPAL\'  เจน 3 นำทัพผงาดผู้นำแฟชั่นเหนือกาลเวลา

C.P.S. COFFEE ปูพรม5ปี30สาขา

กล่าวสำหรับบิ๊กสเต็ป JASPAL กับเกมต่อยอดจากแฟชั่นสู่กลุ่มธุรกิจ 'คาเฟ่' และ 'ความงาม' ผ่านการปั้นแบรนด์ C.P.S. COFFEE และ LYN BEAUTY สร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ครบวงจร!

อภิสิทธิ์ สิงห์สัจจเทศ ผู้อำนวยการแบรนด์ CPS CHAPS (ซีพีเอส แชปส์)  กล่าวว่ากลุ่มคาเฟ่เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่อง ด้วยความใกล้ชิดกับผู้บริโภค สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าได้เป็นอย่างดี

“เทรนด์การดื่มกาแฟของคนไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปลุกปั้นแบรนด์ C.P.S. COFFEE ตั้งแต่ปี 2561 ภายใต้แนวคิดหลัก COFFEE, PASSION และ SPECIALITY ที่สะท้อนคาแรกเตอร์ของแบรนด์ ซึ่งเป็นกาแฟที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความหลงใหล และความใส่ใจในการรังสรรค์เมนู การคัดเลือกเมล็ดกาแฟ วัตถุดิบ และอุปกรณ์ ไปจนถึงความเชี่ยวชาญของบาริสต้า

ร้าน C.P.S COFFEE มี 2 โมเดล คือ 'คอฟฟี่ บาร์' ดีไซน์แบบเท่ห์ ขนาด 60-80 ตร.ม. ปัจจุบันเปิดบริการ 3 สาขาไอคอนสยาม เทอร์มินอล 21 อโศก และเซ็นทรัล เฟสติวัล อีสต์วิลล์  และ โมเดล 'แฟลกชิปสโตร์' ปักหมุดเป็นแลนด์มาร์กที่คอกาแฟห้ามพลาด! ที่ซอยสุขุมวิท 53 ด้วยดีไซน์ 2 ชั้น บนพื้นที่กว่า 210 ตร.ม.

C.P.S. COFFEE แฟลกชิปสโตร์ มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง เวียดนาม ภายใต้ 4 กลยุทธ์สำคัญ 'Exclusive Menu' มีการสร้างสรรค์เมนูพิเศษ Dirty Coffee ที่คิดค้นขึ้นใหม่ เมล็ดกาแฟ Blend Black 19-0915 เมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากเชียงราย รวมไปการเพิ่มเมนูเบเกอรี่ ทั้ง แซนวิช พาย และเบอร์เกอร์อบร้อนพร้อมเสิร์ฟ ปรับให้สอดคล้องกับลูกค้าเป้าหมายที่สามารถใช้บริการได้นานขึ้น และรับประทานอาหารได้เต็มที่ แตกต่างจากสาขาอื่นที่เป็นลักษณะคอฟฟี่บาร์ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มเมนูพิเศษตามซีซันดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการถี่ขึ้น

'Prime Location' โมเดลต้นแบบซอยสุขุมวิท 53 นี้ สามารถเชื่อมต่อซอยทองหล่อ ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้สำคัญของกรุงเทพฯ มีกลุ่มคนทั้ง Trend Setter และเซเลบริตี้ มาใช้บริการจำนวนมาก จึงเป็นการสร้างกระแสและการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าให้ติดตามมาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมโซน Pet Friendly เอาใจคนรักสัตว์โดยเฉพาะ

'Stunning Design' ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ Modern Timeless ด้วยดีไซน์กำแพงใหญ่ขาวบริเวณด้านหน้าอันโดดเด่นที่มีโทนสีไม่ซ้ำกันในแต่วัน ซึ่งเกิดจากการหักเหของแสง สร้างความดึงดูดและน่าค้นหา รวมทั้งการใช้วัสดุและโทนสีร้านในจุดต่าง ๆ ตามระดับความเข้มของกาแฟ ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ผ่านแนวคิดใหม่ ที่ผสานมุมมองด้านแฟชั่นที่ยังคงคอนเซปต์ความเท่ตามแบบฉบับของ CPS CHAPS ไว้อย่างลงตัว จนทำให้ C.P.S. COFFEE แฟลกชิปสโตร์กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่เหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ และคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ

กลยุทธ์สุดท้าย 'Exclusive Activity'  มีการเชิญบาริสต้าคนดังหรือแชมป์ทั้งของไทยและต่างประเทศ มาร่วมกิจกรรมพิเศษในรูปแบบต่าง ๆ สร้างคอมมูนิตี้สำหรับคนรักกาแฟย้ำความเป็นตัวจริงที่เชี่ยวชาญด้านกาแฟของ C.P.S. COFFEE

C.P.S. COFFEE ตั้งเป้าขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 30 สาขา ภายใน 5 ปี พร้อมเพิ่มโมเดลของร้านหลายรูปแบบเพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ในทำเลศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพ และหัวเมืองเศรษฐกิจหลัก ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดสู่ธุรกิจ “ไลฟ์สไตล์รีเทล” เต็มตัว

ย้อนรอยประวัติความเป็นมากลุ่มธุรกิจ JASPAL

พ.ศ. 2490 มร. ยัสปาล ซิงห์ ได้เริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยที่ย่านพาหุรัด กรุงเทพฯ โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ผ้าลินินและเครื่องนอนคุณภาพสูงมาจำหน่ายในประเทศไทย

พ.ศ. 2515  ก่อตั้งร้านจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์ JASPAL ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์

พ.ศ. 2523 ก่อตั้งแบรนด์ CPS CHAPS

พ.ศ. 2530  ก่อตั้ง บริษัท ยัสปาล จำกัด ด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในธุรกิจผู้ค้าปลีกแฟชั่นของไทยและเอเชีย

พ.ศ. 2544 ก่อตั้งแบรนด์ LYN

พ.ศ. 2547 ก่อตั้งแบรนด์ CC DOUBLE O

พ.ศ. 2554 ก่อตั้งแบรนด์ Lyn around

พ.ศ. 2554 ก่อตั้งแบรนด์ Jelly Bunny

พ.ศ. 2555 ก่อตั้งแบรนด์ Misty Mynx

พ.ศ. 2555 ก่อตั้งแบรนด์ ROYAL IVY REGATTA

พ.ศ. 2558 ก่อตั้งแบรนด์ QUINN

พ.ศ. 2561 ก่อตั้งร้าน C.P.S. COFFEE

พ.ศ. 2565 ก่อตั้งแบรนด์ LYN Beauty

ส่องคาแรคเตอร์แบรนด์

JASPAL (ยัสปาล)

นำเสนอบูทิคแฟชั่น Ready-to-wear ในหลากหลายรูปแบบ ด้วยคุณภาพเหนือระดับ ที่รับการออกมาแบบมาอย่างประณีต ตอบสนองสไตล์ที่คลาสสิคและอยู่เหนือการเวลา

CPS CHAPS (ซีพีเอส แชปส์)

แบรนด์แฟชั่นนำเทรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “CREATIVITY. PASSION. SELF.” ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจในการดีไซน์เสื้อผ้าให้ดูโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าหนุ่มสาวยุคใหม่ที่ต้องการครีเอทลุคให้มีความเท่ และทันสมัย ในสไตล์ที่แตกต่าง สามารถเติมเต็มความมั่นใจได้ในทุกไลฟ์สไตล์

LYN (ลิน)

แบรนด์แฟชั่นกระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงผู้หลงใหลในการแต่งตัว นำเสนอภาพลักษณ์ของผู้หญิงยุคใหม่ผู้มีความสนใจและติดตามเทรนด์แฟชั่น บ่งบอกถึงตัวตนสุดชิค หรูหรา มีความมั่นใจ ดีไซน์ครอบคลุมการใช้งานทุกวาระโอกาสสำหรับผู้หญิงทุกคน

CC DOUBLE O (ซีซี ดับเบิลโอ)

แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์อเมริกัน ที่เน้นความเรียบง่ายและสามารถนำมา มิกซ์แอนด์แมทซ์ได้อย่างลงตัว เพื่อสะท้อนไลฟ์สไตล์ในแบบอเมริกัน ซึ่งทุกรายละเอียด ผ่านการใส่ใจในคุณภาพตั้งแต่ชนิดของผ้า และความประณีตในการตัดเย็บ

Lyn around (ลิน อราวด์)

แบรนด์เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับ นำเสนอความเฟมินีนที่มีสไตล์และลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ตัวตนผู้หญิงผู้มีคาแร็คเตอร์อันโดดเด่นและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ดีไซน์ที่ผสมผสานศิลปะและความร่วมสมัยเข้ากับเส้นสายของเสื้อผ้าช่วยเติมเต็มจินตนาการของสาวช่างฝัน

Jelly Bunny (เจลลี บันนี)

แบรนด์รองเท้าแฟชั่น เสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับ มาพร้อมคอนเซปส์ความเยาว์วัยและความสดใสสนุกสนาน แสดงออกผ่านดีไซน์สินค้าที่มีความเฟรนด์ลี น่ารักและใช้งานง่าย ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวความสัมพันธ์อันยาวนาน และความสนิมสนมของกลุ่มเพื่อน

Misty Mynx (มิสตี้ มิงซ์)

แบรนด์เสื้อผ้าที่ได้รับการสร้างสรรขึ้นมาเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ และความต้องการอันหลายหลายของผู้หญิง Misty Mynx สนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนแสดงออกได้อย่างมั่นใจและสนุกสนาน ในแบบที่เป็นตัวเองในทุกๆ โอกาส

ROYAL IVY REGATTA (รอยัล ไอวี รีกัตตา)

แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์ American Elegance ที่ครองใจลูกค้าสายแฟชั่นที่ชื่นชอบในความเรียบโก้ คลาสสิก ร่วมสมัย แต่โดดเด่นด้วยเสน่ห์ สะท้อนบุคลิกภาพความเป็นผู้นำและสง่างาม

QUINN (ควินน์)

แบรนด์เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าที่สะท้อนตัวตนของผู้หญิงยุคใหม่ที่แสดงออกถึงภาพลักษณ์อันทรงพลัง เหนือกาลเวลา กล้าแตกต่าง เปี่ยมด้วยสไตล์อันมีรสนิยม มาพร้อมดีไซน์ที่บ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์คนเมือง โดยมีแรงบันดาลใจจากรูปทรงซับซ้อนทว่ากลมกล่อมลงตัว

C.P.S. COFFEE (ซี.พี.เอส. คอฟฟี่)

คาเฟ่สไตล์ Coffee & Lifestyle Bar รังสรรค์เมนูเครื่องดื่มและเบเกอรี่คุณภาพระดับพรีเมี่ยม ที่มาในคอนเซ็ปต์ "COFFEE. PASSION. SPECIALTY." ตอบโจทย์ความต้องการของเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจแฟชั่นรีเทลแบรนด์ CPS CHAPS เข้าสู่ธุรกิจคาเฟ่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องในประเทศไทย

LYN BEAUTY (ลิน บิวตี้)

แบรนด์เครื่องสำอางค์ที่นำเสนอความงามแบบเอเชียที่เหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย ทุกสีผิว เพื่อการรังสรรค์ความงามอย่างไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์การใช้งานที่ครอบคลุมทุกความต้องการ โดดเด่นด้วยแพคเกจสวยงามดึงดูดตา เป็นความหรูหราที่สามารถเข้าถึงได้ พร้อมคุณสมบัติไม่ทดลองกับสัตว์รวมถึงไม่มีส่วนผสมจากสัตว์