วิกฤติทรายกำลังจะหมดโลก ตระหนักรู้ ก่อนสาย

วิกฤติทรายกำลังจะหมดโลก  ตระหนักรู้ ก่อนสาย

การขยายตัวของเมืองและการเพิ่มจำนวนประชากรกำลังทำให้เกิดวิกฤติการขาดแคลนทราย แต่คนส่วนใหญ่คงไม่ได้นึกถึงว่า “ทราย กำลังจะหมดโลก”

คนส่วนใหญ่นึกถึง “ทราย” อาจนึกถึงทรายในทะเลทราย หรือทรายที่อยู่ตามชายหาด หรืออยู่ในทะเล เราสามารถพบทรายได้ในแทบทุกพื้นที่ในโลก “ทราย” เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกนำไปใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก

และการขยายตัวของเมืองและการเพิ่มจำนวนประชากรกำลังทำให้เกิดวิกฤติการขาดแคลนทราย แต่คนส่วนใหญ่คงไม่ได้นึกถึงว่า “ทราย กำลังจะหมดโลก”

ปัญหานี้คือปัญหาที่ค่อนข้างใหม่ ที่มนุษย์เราเพิ่งรู้ตัว แม้ว่าทรายจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มหาศาลพอๆ กับน้ำทะเล แต่ความต้องการใช้ทรายและการขยายตัวของเมืองก็เพิ่มมากขึ้นเท่าตัวในทุกปี จึงมีความเป็นไปได้ที่ทรายอาจจะหมดโลกเข้าสักวัน หากเราไม่ทำอะไรเลย

สิ่งที่เริ่มต้นได้ในวันนี้ก็คือ การตระหนักรู้ว่าทรายเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และมีผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมากมาย

โลกมีทรายมหาศาล แต่ทำไมถึงจะขาดแคลน

ทรายเกิดขึ้นตามธรรมชาติมาหลายพันล้านปีมาแล้ว ทรายส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากภูเขาและก่อตัวเป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่มหาสมุทร และถูกพัดมุ่งหน้าไปยังชายหาดทั่วโลก ทรายยังมีบทบาทสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยสำคัญในการปกป้องชายฝั่งจากคลื่นพายุ สร้างที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่แข็งแรงสำหรับสัตว์หลากหลายชนิดและป้องกันการกัดเซาะ

“ทราย” เป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิตมนุษย์ในปัจจุบันโดยที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่นัก และก็เป็นทรัพยากรอันดับ 2 ของโลกที่ถูกนำมาใช้งานมากที่สุด 

“ทราย” เป็นวัสดุที่ไม่สามารถควบคุมได้เหมือนน้ำ และมีการใช้งานกันอย่างกว้างขวางในเกือบทุกโครงสร้างบนโลกมนุษย์ในปัจจุบัน จากข้อมูลจาก nature.com ชี้ให้เห็นว่า ทุกสิ่งก่อสร้างบนโลกใช้ทรายไปประมาณ 50 พันล้านเมตริกตันต่อปี หรือมีน้ำหนักเท่ากับเรือไททานิก อาร์เอ็มเอสอันเลื่องชื่อ 10,000 ลำ และเพียงพอที่จะสร้างกำแพงสูง 88 ฟุต กว้าง 88 ฟุตรอบโลก ปริมาณการใช้ทรายของมนุษย์นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมันเพิ่มขึ้นแบบไร้การควบคุม และเกินกว่าความเร็วของการฟื้นฟูตามธรรมชาติ

UNEP หน่วยงานสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ได้ส่งสัญญาณเตือนว่า โลกกำลังเข้าสู่ “วิกฤติการณ์ทรายหมดโลก Sand Crisis” เนื่องจากความต้องการใช้ทรายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 50 พันล้านเมตริกตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับปริมาณทราย 18 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน ที่ถูกสกัดออกจากพื้นโลกทุกปี รวมทั้งอัตราการขยายตัวของเมืองในทุกพื้นที่ของโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการใช้ทรายทั่วโลก ความต้องการทรายไม่เพียงพอ

หลายคนสงสัย ทะเลทรายมีทรายเยอะจะตาย ทำไมไม่เอามาใช้ล่ะ? ทรายในทะเลทรายเกิดจากการกัดเซาะของลม ส่งผลให้เม็ดละเอียดและกลมเกินไปสำหรับการก่อสร้าง เป็นส่วนผสมที่อ่อนไหวในการสร้างบ้านมาก ถ้าอยากได้บ้านทนแข็งแรงแบบในเมืองปัจจุบันล่ะก็นะ ทรายในคอนกรีตมักถูกขุดจากทะเลสาบ แม่น้ำ และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ซึ่งกัดเซาะทำให้เกิดทรายขรุขระซึ่งเหมาะสมสำหรับซีเมนต์

ตึกเบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก ณ ปัจจุบันที่ตั้งอยู่ที่กรุงดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ต้องใช้ทรายที่นำเข้าจากต่างประเทศ และมีรายงานว่า ประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย ต้องนำเข้าทรายจากประเทศแคนาดาและออสเตรเลีย ส่วนหมู่เกาะต้นปาล์ม (The Palm Islands) ของดูไบ เกิดจากการถมด้วยดินผสมทรายที่ขุดขึ้นมาจากก้นอ่าวเปอร์เซีย

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ “ทราย” กำลังจะหมดโลก

เมื่อการเติบโตของเมือง ถนนหนทาง ตึกรามบ้านช่อง เป็นอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มการขยายตัวของประเทศ ทรายที่หาได้ในท้องถิ่นก็จะค่อยๆหมดลง จำเป็นต้องใช้ “ทราย” นำเข้ามาจากพื้นที่อื่น ทันทีที่เริ่มมีการนำเข้า ก็หมายถึงการเพิ่มระยะทางในการขนส่ง ส่งผลให้ราคาแพงและสิ้นเปลืองทรัพยากร และ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเหล่านี้ทำให้ราคาการพัฒนาต่างๆเพิ่มขึ้น ความขาดแคลนในท้องถิ่นก่อให้เกิดตลาดทรายระหว่างประเทศ ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นตาม

บทบาทสำคัญในระบบนิเวศ ทรายที่เกิดจากชายหาดแม่น้ำและก้นทะเล สามารถป้องกันการกัดเซาะที่เกิดขึ้นบนชายฝั่ง ลดความรุนแรงจากภัยธรรม๙ติ หากใช้ทรายมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางธรรมชาติในทางลบ สัตว์และพันธุ์พืชอาศัยอยู่ได้รับผลกระทบส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ในเม็ดทราย มีสารอาหารสำคัญต่อการเติบโตของปลาลูกอ่อน ถูกพัดพาไปกับทรายที่ถูกขุด ยิ่งไปกว่านั้น ทรายยังสำคัญต่อการรักษาสมดุลของน้ำด้วย การขุดทรายจะขัดขวางการไหลอย่างต่อเนื่องของน้ำ ทำให้เกิดการขาดดุลในบางพื้นที่ของชายหาด หากถูกขุดออกไปมากเกินไป พื้นที่รองรับน้ำเสียสมดุลก็จะส่งผลให้น้ำท่วมถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้นได้

ปัญหาสำคัญอีกประการคือ การไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนของการขุดทรายทั่วโลกในแต่ละปี ที่ไม่เคยได้รับการบันทึกไว้อย่างดีและถูกต้อง ทำให้ยากต่อการประเมินวิกฤตที่จะเกิดขึ้น 

Vince Beiser นักข่าวและผู้เขียนหนังสือ “The World in a Grain” กล่าวว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการก่อสร้างใช้ทรายปริมาณมากที่สุดในโลก การใช้ทราย กรวดและหินบดในการก่อสร้างคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวภายในปี 2060 เมื่อประชากรโลกเพิ่มขึ้นถึง 10 พันล้านคน ทุกคนบนโลกจะใช้ทรายโดยเฉลี่ยประมาณ 40 กิโลกรัมต่อวัน จากปริมาณการใช้ทราย 18 กิโลกรัมต่อคนต่อวันในปี 2020

แม้ตอนนี้ทรายจะยังไม่ได้หมดโลกไปจริงๆ เเต่สัญญาณเตือนดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ สิ่งที่เริ่มต้นได้คือ การตระหนักรู้ว่าทรายเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งยังสร้างผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย