‘เทคโนโลยี ChatGPT’ ของต้องห้ามบริษัทเทคโนโลยีจีน

‘เทคโนโลยี ChatGPT’ ของต้องห้ามบริษัทเทคโนโลยีจีน

จีนระงับใช้ ChatGPTเพราะแชตบอตสามารถให้ความช่วยเหลือรัฐบาลสหรัฐเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดและจัดการเนื้อหาข้อมูลทั่วโลก เพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์

หน่วยงานกำกับดูแลในจีนสั่งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จีน ไม่ให้เปิดบริการ ChatGPT แก่สาธารณชน ท่ามกลางเสียงเตือนจากรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะกังวลว่าคำตอบที่ออกมาจากChatGPT จะไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน

แหล่งข่าวที่มีความรู้เรื่องนี้โดยตรง เผยกับสำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย ว่า เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์ และแอนท์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินของอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิงส์ ถูกสั่งไม่ให้เปิดบริการ ChatGPT ในแพลตฟอร์มตนเอง ทั้งยังห้ามให้เข้าถึงแชตบอตได้โดยตรงและไม่ให้ผ่านบุคคลที่สาม

อย่างไรก็ดี คำสั่งห้ามนี้ยังมีช่องโหว่ เพราะบริษัทเทคฯหลายแห่งไม่จำเป็นต้องรายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแล ก่อนเปิดบริการแชตบอตของตนเองที่คล้ายคลึงกับ ChatGPT

ChatGPT ที่พัฒนาโดยบริษัทโอเพนเอไอในเครือไมโครซอฟท์ ไม่สามารถใช้งานในจีนได้อย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบางคนสามารถเข้าถึงแชตบอตได้ โดยเข้าผ่านวีพีเอ็น และยังมีโปรแกรมขนาดเล็กอีกหลายสิบโปรแกรมที่เปิดให้ใช้งานโดยนักพัฒนาบุคคลที่สาม ผ่านแอปโซเชียลมีเดียวีแชทของเทนเซ็นต์ ที่อ้างว่าให้บริการ ChatGPT

แหล่งข่าว กล่าวว่า ภายใต้แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล เทนเซ็นต์ถูกระงับบริการบุคคลที่สามหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นบริการเชื่อมต่อ ChatGPT หรือบริการลอกเลียนแบบแชตบอตดังกล่าว

ความเคลื่อนไหวของหน่วยงานกำกับดูแลเกิดขึ้นท่ามกลางการต้อต้าน ChatGPT อย่างเป็นทางการ โดยเมื่อวันจันทร์ (20 ก.พ.) สื่อรัฐบาลจีนประกาศผ่านโพสต์ในเว็บเว่ยป๋อ ว่า จีนระงับใช้ ChatGPT อย่างเข้มงวดเช่นเดียวกับการต่อต้านทวิตเตอร์ เพราะแชตบอตสามารถให้ความช่วยเหลือรัฐบาลสหรัฐ ในการเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดและจัดการเนื้อหาข้อมูลทั่วโลก เพื่อผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของตนเอง

ผู้บริหารบริษัทเทคฯแห่งหนึ่ง กล่าวว่า “เราเข้าใจตั้งแต่แรกแล้วว่า ChatGPT ไม่สามารถเข้าจีนได้เลย เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบ และจีนต้องการมี ChatGPT ในเวอร์ชันของตนเอง” ส่วนผู้บริหารบริษัทเทคฯอีกแห่งหนึ่งบอกว่า แม้ไม่ได้รับคำเตือนโดยตรง แต่บริษัทของเขาจะไม่ใช้ ChatGPT เช่นกัน

ตั้งแต่ ChatGPT ใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก บริษัทเทคฯจีนยักษ์ใหญ่ รวมถึงเทนเซ็นต์, อาลีบาบาและไป่ตู้ ต่างรีบประกาศแผนพัฒนาบริการแชตบอตที่เหมือนกับ ChatGPT แต่ทุกบริษัทต่างเน้นย้ำว่า บริการแชตบอตของตนเอง เหมือน ChatGPT แต่ไม่ได้รวม ChatGPT เข้ากับบริการตนเอง

‘เทคโนโลยี ChatGPT’ ของต้องห้ามบริษัทเทคโนโลยีจีน
 

ไป่ตู้ ประกาศว่า บริษัทจะทดสอบโครงการแชตบอต Ernie Bot ที่คล้ายกับ ChatGPT ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน มี.ค. โดยแหล่งข่าวจากไป่ตู้ เผยว่า บริการเบื้องต้นอาจไม่เหมือนการใช้แชตบอต แต่เป็นฟีเจอร์ที่รวมอยู่ในผลิตภัณฑ์บางส่วนของบริษัท

การควบคุม ChatGPT ของจีน เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐ ประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่งของโลกที่มีปัญหาบานปลายอย่างต่อเนื่อง และการแข่งขันระหว่างสหรัฐ-จีนในด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ก้าวสู่ขั้นต่อไปคือการแข่งขันด้านการค้า

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา การพัฒนาเอไอของจีนแซงหน้าสหรัฐในหลายๆด้าน รวมถึงการวิจัยขั้นพื้นฐาน แต่เมื่อมี ChaGPT ซึ่งเป็นแชตบอตที่ช่วยเขียนเรียงความและทำข้อสอบได้ ทำให้คู่แข่งในจีนต้องพยายามไล่ตามให้ทัน

“แดน อีฟส์” กรรมการผู้จัดการบริษัทเวดบุช ซีเคียวริตี ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุน มีความเห็นว่า “เทคโนโลยีเอไอในจีนมีความล้ำหน้ามากกว่าในสหรัฐ และผมคิดว่า ChatGPT อาจเป็นจุดเริ่มต้นโดยมีไมโครซอฟท์เป็นผู้นำ และในที่สุดจะสร้างแรงกดดันแก่คู่แข่งในจีนให้พัฒนาเอไออัลกอริทึมของตนเอง”

“อลิเซีย ยัป” นักวิเคราะห์จากซิตีของฮ่องกง เผยว่า สำหรับจีนแล้ว บริษัทจีนหลายแห่งที่รีบเข้ามาในวงการ ChatGPT ไม่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่เหมือนกับสหรัฐที่ “บิง” เสิร์ชเอนจินของไมโครซอฟท์ สามารถใช้ ChatGPT สร้างความท้าทายต่อกูเกิลได้ 

แต่ไป่ตู้ ไม่มีคู่แข่งที่ต้องกังวลในจีน โดยไป่ตู้ บริษัทที่วางแผนเปิดตัวแชตบอต Ernie Bot ในเดือน มี.ค. ไม่ได้เป็นผู้นำเทคฯด้านการค้นหาข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่มีความล้ำหน้าในด้านความสามารถของเอไอ และเมื่อบริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายแห่งแห่ลงแข่งขันด้านไอเอ นักลงทุนทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจ แต่มุมมองของนักลงทุน ต่อศักยภาพของนวัตกรรมรูปแบบ ChatGPT ยังคงมีมุมมองต่างกัน

“กลอเรีย จาง” ผู้จัดการการลงทุนจากบริษัทกองทุนร่วมดีซีเอ็ม มีความเห็นว่า เทคโนโลยีแชตบอตเอไอยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และผู้คนยังคงทดสอบการใช้งานในด้านต่าง ๆ แต่แชตบอตนี้มีศักยภาพในการสร้างประโยชน์และพลิกโฉมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคนอื่น ๆ ยังมีความไม่แน่ใจ โดย “เจฟเฟอร์รี ลี” พันธมิตรธุรกิจกับเอ็นแอลวีซี บริษัทกองทุนร่วมลงทุนระยะเริ่มต้นในซิลิคอน วัลเลย์ กล่าวว่า “ความนิยมของ ChatGPT ช่วยพัฒนาธุรกิจกองทุนบางแห่งได้แน่นอน แต่ตอนนี้น่าตื่นเต้นมากกว่าเดิม เบื้องหลังของความตื่นเต้นคือ ปัญหาในโลกความเป็นจริงเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข หนึ่งในนั้นคือปัญหา "self-reinforcing” เพราะแหล่งภาษาขนาดใหญ่อย่าง ChatGPT เหมือนห้องเสียงสะท้อน

ลี อธิบายถึงการใส่ความลำเอียงหรืออคติในข้อมูลที่ให้เอไอฝึกประมวลผล อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมและข้อกฎหมาย เช่น แชตบอตเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดในการตอบคำถาม เพราะแชตบอตไม่มีกลไลตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เหมาะสม

ปัญหาที่สองคือการบังคับใช้ ChatGPT ทางธุรกิจ ขณะที่เอไอช่วยให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น แต่ค่าบำรุงรักษาเทคโนโลยีอาจไม่ช่วยควบคุมต้นทุนให้ลดลงและเพิ่มกำไรได้ ยิ่งไปกว่านั้น โมเดลรายได้จากโฆษณาของกูเกิลและเสิร์ชเอนจินอื่น ๆ อาจได้รับผลกระทบ

“เคอ ยัน” นักวิเคราะห์และวิจัยจากสถาบันวิจันดีแซดทีในสิงคโปร์ ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคในการพัฒนาและการสร้างรายได้จากแอปอย่าง ChatGPT ว่า ต้องตั้งค่าข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อฝึกแชตบอต ซึ่งมีเพียงบริษัทเทคฯขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถทำได้ จากนั้นจะมีปัญหาเกี่ยวกับการดึงข้อมูลเว็บเพื่อเก็บตอนเทนต์ไว้ให้แชตบอตฝึกใช้ ซึ่งอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและกฎหมายลิขสิทธิ์

“สำหรับบริษัทหลายแห่งในจีน มีความท้าทายในระดับอื่นๆด้วย เช่น ภาษาจีนมีโครงสร้างน้อยกว่าภาษาอังกฤษ ดังนั้น จึงฝึก ChatGPT ให้ผลิตข้อมูลที่เหมือนภาษามนุษย์ได้ยากลำบาก” ยัน กล่าว

ภาษาไม่ใช่อุปสรรคเดียวที่บริษัทเทคฯจีนกำลังเผชิญอยู่ การคว่ำบาตรเซมิเคอนดักเตอร์ของรัฐบาลวอชิงตันและภัยคุกคามทางการค้าอื่น ๆ ต่างทำให้บริษัทเทคฯจีนเสียเปรียบในการแข่งขันด้านเอไอ

การคว่ำบาตรล่าสุดของสหรัฐเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ปี2565 สั่งห้ามบริษัทอเมริกันจัดส่งอุปกรณ์ผลิตชิปขั้นสูงบางรุ่นให้กับลูกค้าในจีนโดยไม่มีใบอนุญาต และควบคุมซัพพลายเออร์ที่สนับสนุนการพัฒนาเอไอล้ำสมัยของจีนและชิปซุปเปอร์คอมพิวเตอร์

"อีฟส์ จากเวดบุช มีความเห็นว่า “เกมส์โป๊กเกอร์นี้ขึ้นอยู่กับชิป ซึ่งเป็นไพ่ใบสำคัญที่สามารถฉุดเอไอในจีนให้เติบโตช้าในที่สุด”

แหล่งข่าววงในจากไป่ตู้และเทนเซ็นต์ ให้สัมภาษณ์กับนิกเคอิว่า ความกังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรของสหรัฐยังคงมีอยู่ บรรดาบริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่ของจีน จึงกักตุนชิปขั้นสูงไว้ให้เพียงพอในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่การพัฒนาเอไออย่างต่อเนื่อง อาจเกิดปัญหาอย่างรุนแรง หากจีนไม่สามารถเข้าถึงชิปรุ่นต่อไปได้

 ส่วน ลี จากเอ็นแอลวีซี มองว่า บริษัทเทคฯจีนหลายแห่งอาจมีชิปขั้นสูงเพียงพอต่อการเริ่มเปิดตัวบริการเอไอ แต่ไม่อาจเทียบเท่ากับขนาดคลังข้อมูลของ ChatGPT