วิชั่นใหม่ ‘เฮียฮ้อ สุรชัย’ นำทัพ ‘อาร์เอส’ มาร์เก็ตแคปมั่งคั่งแสนล้าน!

ย้อน 3 ปีก่อน “อาร์เอส”ได้รีแบรนด์ พร้อมปั้นโมเดล “เอ็นเตอร์เทนเมิร์ซ” นำความบันเทิงมาต่อยอดธุรกิจ ทว่าปี 2566 เป็นอีกการปรับตัวและมี “เป้าหมายใหญ่” ของบริษัทเพื่อสร้างอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเดิม

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดบ้านพร้อมเล่าแผนการขับเคลื่อนธุรกิจปี 2566 มีการปรับใหญ่ ตั้งแต่ Brand Purpose ที่มุ่งสู่การยกระดับทุกมิติของการใช้ชีวิต หรือ Life Enriching จากเดิมคือ Passion to Win พร้อมวาดวิสัยทัศน์ใหม่ภายใน 3 ปี ในการผลักดันทั้งเครือสร้างมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปให้แตะ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน (ณ 30 ก.ย.65) มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ส่วน 2 ปีก่อน บริษัทเคยมีมาร์เก็ตแคประดับ 30,000 ล้านบาท

“มองปี 2566 เป็นจังหวะเวลาที่ใช่ จึงใช้เวลากำหนดวิชั่นใหม่ 3 ปี ซึ่งมีความท้าทายละยิ่งใหญ่สำหรับผมและทีมงานอย่างมาก”

เพื่อทะยานสู่เป้าหมาย บริษัทยังปรับโครงสร้างองค์กร ตั้ง 6 กลุ่มธุรกิจขึ้นมา ประกอบด้วย 1.อาร์เอส มัลติมีเดีย ภายในมีทั้งธุรกิจทีวีดิจิทัล ช่อง 8 และคลื่นวิทยุ คูล ฟาเรนไฮต์ 2.อาร์เอส มิวสิค ธุรกิจเพลงลูกทุ่งอาร์สยาม กามิกาเซ่ โรสซาวด์ และโฟร์ทแอปเปิ้ล ซึ่งปี 2566 ไฮไลต์คือการกลับมารุกตลาดเพลงอีกครั้งในรอบ 15 ปีของบริษัท เนื่องจากมองโอกาสทองจากธุรกิจเพลงดิจิทัล ที่โตวันโตคืน ขณะที่อาร์เอส มีกรุเพลงนับ “หมื่น” นำมาต่อยอดทำเงิน สร้างผล “กำไร” ได้ทันที 30-40%

“อาร์เอสถอยจากธุรกิจเพลงมา 15 ปี หลังจากตลาดเทป ซีดี หรือ Physical ถูกดิสรัป แต่ตอนนี้สภาพแวดล้อมเปลี่ยน เพราะการเติบโตของดิจิทัล แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ ทำให้เกิดเป็น New Wave ของธุรกิจเพลง ปี2566 จึงเป็นปีแรกที่บริษัทจะกลับมารุกธุรกิจเพลงอีกครั้ง”

การทำธุรกิจเพลงเชิงรุก บริษัทยังเตรียมดึง “ศิษย์เก่า” หรือศิลปินคู่บุญที่สร้างความโด่งดังในอดีตมาร่วมงานอีกครั้ง และเดินหน้าเฟ้นหาศิลปินใหม่เสริมทัพ ที่สำคัญจะเห็นการ “ร่วมทุน” กับพันธมิตรเพื่อทำคอนเทนต์มิวสิค วิดีโอตอบสนองกลุ่มเป้าหมายคนฟัง โดยจะเห็นภาพชัดในไตรมาส 1

ส่วนเป้าหมายรายได้ธุรกิจเพลง ใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทมองโอกาสทำเงินระดับ “พันล้านบาท” หรือกลับสู่ยุครุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกครั้ง

3.RS LiveWell ที่มี อาร์เอส มอลล์ และแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตอบสนองผู้บริโภค เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ไลฟ์เมต เครื่องดื่มคามู ซี เป็นต้น ซึ่งปีนี้บริษัทจัดทัพออกสินค้าใหม่ถึง 41 รายการ(SKUs)แบ่งเป็นอาหารสัตว์ 22 รายการ และผู้บริโภค 19 รายการ

“ไลฟ์เมตเป็นธุรกิจที่เกิดจาก Passion ของผม และคาดว่าจะสร้างการเติบโตอย่างมีนัยยะ”

4.RS Connect ซึ่งมียูไลฟ์ กิจการขายตรงที่บริษัทซื้อจากยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย รวมถึงการปั้น De Beste มาเสริมทัพ มี “ปิ่นโต” และ “PROMPT” โมเดลใหม่ ในการจำหน่ายสินค้าโดยเฉพาะเจาะช่องทางออนไลน์ 5.RS Pet All ที่บริษัทจะมุ่งไปสร้างธุรกิจอาหารสัตว์ให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีโรงงาน หน้าร้าน และบริการด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยง และ 6.R Alliance ทำหน้าที่ดูแลด้านการลงทุน ตามกลยุทธ์ควบรวมละซื้อกิจการ(M&A) และร่วมทุน(JV)โดยมี “เชฎฐ์ เอเชีย” ที่บริษัทถือหุ้นอยู่

สำหรับบทบาทของ 6 กลุ่มธุรกิจ จะมี 5 กลุ่มแรกที่ต้องขยายกิจการ สร้างการเติบโต สเต็ปต่อไปคือ “แยกตัว” หรือ Spin-off เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อสร้างมูลค่าให้กับตัวเอง เมื่อนำมารวมกับทั้งกรุ๊ปหรือ Consolidate โอกาสที่มาร์เก็ตแคปแตะ 1 แสนล้านบาท จึงไม่ไกลเกินเป้าหมาย

“ปี 2566 เป็นปีที่สำคัญที่สุดของอาร์เอส ตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ และสำคัญที่สุดในชีวิตผมตั้งแต่ทำงานมา 41 ปี ซึ่งการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ต้องหาเวลาที่ใช่ให้เจอ และผมเป็นคนไม่ยอมแพ้ให้กับความล้มเหลว ไม่ยึดติดความสำเร็จ พร้อม Explore เรียนรู้สิ่งใหม่เสมอ”

อย่างไรก็ตาม ปี 2566 หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย สุรชัย มองสัญญาณบวกเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจค่อนข้างมาก เห็นได้จากที่ผ่านมา การจัดกิจกรรม คอนเสิร์ตต่างๆ ผู้บริโภคให้การตอบรับดี สะท้อน “ดีมานด์” ในตลาดมี และกลุ่มเป้าหมายยินดีจ่ายเงินเพื่อชดเชยความสุข ถือเป็น “โอกาส” ทางธุรกิจ

วิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.อาร์เอส กล่าวว่า ปี 2566 อาร์เอสเดินหน้าขยายการลงทุนต่อยอดการเติบโต โดยเฉพาะการซื้อและควบรวมกิจการ ซึ่งมีการเจรจาอยู่ 2-3 ดีล มูลค่าลงทุนราว 300-600 ล้านบาท

จากแผนธุรกิจที่วางไว้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2566 อยู่ที่ 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การขายสินค้าหรือคอมเมิร์ซ 3,100 ล้านบาท และธุรกิจสื่อ บันเทิง 2,400 ล้านบาท ในส่วนนี้ธุรกิจเพลงจะกลับมาทำรายได้ราว 400 ล้านบาท