โลตัสฟันธงค้าปลีกฟื้นทุ่มหมื่นล.สยายปีก

โลตัสฟันธงค้าปลีกฟื้นทุ่มหมื่นล.สยายปีก

"โลตัส" มั่นใจค้าปลีกฟื้นลงทุนระยะยาว อัด 1.1 หมื่นล้านเดินหน้าสยายปีกขยายสาขา-รีโนเวทครั้งใหญ่ โชว์เคส "โลตัส พรีเว่" เจาะพฤติกรรมคนรุ่นใหม่นิยมสินค้าพรีเมี่ยมในราคาจับต้องได้

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวถึงแผนธุรกิจปี 2566 ว่า จัดสรรงบกว่า 11,000 ล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งใช้สำหรับปรับปรุงสาขาเดิมที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 2,000 สาขา รวมทั้งการขยายสาขาใหม่ โดย ไฮเปอร์มาร์เก็ต ขนาด 3,000 ตร.ม. เปิดเพิ่ม 5 สาขา ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างในอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เตรียมเปิดบริการเดือน ก.พ. ส่วนโมเดลซูเปอร์มาร์เก็ต ขนาด 700-1,000 ตร.ม. เปิด 5 สาขา และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 200 สาขา ถือเป็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19

สำหรับโมเดลล่าสุด พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต “โลตัส พรีเว่” เปิดสาขาแรกที่โครงการไอซีเอส มิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์ ทาวน์ ลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่ แต่ละทำเล จำนวนประชากร และคู่แข่ง โดยปีนี้มีแผนเพิ่มอีก 1 สาขาในกรุงเทพฯ

“โลตัส พรีเว่” ต่างจากโลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต ทั้งในด้านของรูปลักษณ์ การออกแบบ ประเภทและความหลากหลายของสินค้า 27,000 รายการ และบริการเสริม โดยเน้นความพรีเมียมเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าโดยจะมีสัดส่วนสินค้านำเข้า 40% เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ในอนาคตสัดส่วนอาจเพิ่มขึ้น รองรับกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปต้องการทดลองสินค้าหรือประสบการณ์พรีเมี่ยมมากขึ้น

“เราเลือกไอซีเอส เป็นสาขาแรกของโลตัส พรีเว่ เพราะเป็นทำเลที่มีศักยภาพมีไอคอนสยาม เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา รวมทั้งคนไทย มีคอนโดหรูริมแม่น้ำ ที่อยู่อาศัยคนในพื้นที่หนาแน่น”

โดยสินค้าไฮไลต์ เช่น กลุ่มผลไม้นำเข้า เนื้อเกรดเอ อาหารทะเล ชีส เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องสำอางและเครื่องใช้ส่วนตัวเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในราคาจับต้องได้ 
 

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกำลังซื้อภาพรวมของผู้บริโภคดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจากเทศกาลจับจ่ายที่กำลังเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน ประกอบกับมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังจีนเปิดประเทศ ถือว่าเป็นกระแสที่ดีในปีนี้ ซึ่งโลตัสมีสาขาที่เปิดบริการอยู่ในทำเลที่มีนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อของคู่ค้าเพิ่มขึ้น ย่านท่องเที่ยวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต หัวหิน พัทยา ส่วนราคาสินค้าไม่ได้ปรับขึ้นสูงเมื่อเทียบกลางปีที่ผ่านมา

"มั่นใจว่าปีนี้ค้าปลีกจะฟื้นตัวจากปัจจัยบวกต่างๆ มากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะปีที่ผ่านเราเจอโควิดไปครึ่งปี แต่ก็ยังต้องระมัดระวัง เพราะอะไรก็ไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะมีการระบาดรอบใหม่เกิดขึ้นหรือไม่ ก็ต้องจับตามมอง แต่เชื่อว่าจะรีเทลจะเติบโต ซึ่งปีที่แล้วรายได้โลตัสกลับมาเท่าปีก่อนโควิดแล้ว จึงกล้าลงทุนเพิ่ม เพราะมั่นใจในระยะยาวว่าค้าปลีกยังโตได้อีกมาก แม้ว่าระยะสั้นอาจมีผลกระทบบ้างจากปัจจัยลบต่างๆ”

ส่วนโครงการช้อปดีมีคืนของภาครัฐนั้น ยังเพิ่งเริ่มต้น ต้องยอมรับว่าวิเคราะห์ยากว่า ช้อปดีมีส่วนช่วยมากน้อยแค่ไหน เพราะรายการโปรโมชั่นที่โลตัสทำ รวมทั้งการปรับตัวด้านอื่นทำให้แยกลำบาก และยังไม่เห็นภาพเด่นชัดแต่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ในช่วงท้ายของมาตรการ

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย มีการจับตามองอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะกระทบภาคการเงินมากกว่าเทียบ “โลตัส” จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เป็นสินค้าจำเป็นจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก