นับถอยหลังไลเซ่นส์ 'ทีวีดิจิทัล' ธุรกิจสื่อเปลี่ยน ขอยืดเวลา 5 ปี

อีก 7 ปี สิ้นสุดใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล แนวโน้มธุรกิจยังลุ้นทาง "รอด" ท่ามกลางโจทย์ใหม่ๆ กระทบธุรกิจ ผู้ประกอบการแนะกสทช.วางแผนแม่บทใหม่สอดรับเทคโนโลยี พร้อมทดเวลาบาดเจ็บ หลังติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก ทำธุรกิจเสียโอกาส 5 ปีแรก
แม้จะเกินครึ่งทางแล้ว สำหรับการเปลี่ยนผ่านธุรกิจทีวีดิจิทัลของไทย ภายใต้การทุ่มเงินมหาศาลเพื่อประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการ(ไลเซ่นส์) เป็นเวลา 15 ปี แต่ดูเหมือนว่า ปัญหาการถูก “ดิสรัป” จากเทคโนโลยี การเกิดขึ้นของสื่อใหม่ พฤติกรรมเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนโฉมหน้า จนกระทบผู้ประกอบการ “ทีวีดิจิทัล” ประเภทธุรกิจ ที่เหลือ 15 ช่อง จะยังไม่หมดไป กลับกันเจอโจทย์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี
หนึ่งในความท้าทายของค่าย “ทีวีดิจิทัล” คือการเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มโอทีทีระดับโลก ที่มีมากมาย ซ้ำร้ายผู้บริโภคยอมจ่ายเงินค่าสมาชิกรายเดือน(Subscription) เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนท์โปรดบนช่องทางดังกล่าว ทำให้การดูคอนเทนท์ผ่านทีวีดิจิทัลลดน้อยถอยลง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่
ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการศึกษา จึงเปิดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่ม(Focus group) ผ่านโครงการศึกษาแนวทางในการพัฒนาหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์ไทย ให้สอดคล้องกับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ภายใต้หัวข้อ “โอกาสและทางรอดของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในระบบนิเวศสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป”
สถาบันการศึกษานำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับการปรับตัวของทีวีไทยในห่วงโซ่คุณค่าของแพลตฟอร์มรับชมวิดีโอออนไลน์(โอทีที) ความท้าทายใหม่ในโลกเทคโนโลยีสื่อหลอมรวมในตลาดน่านน้ำแดงเดือด(Red-ocean) ยังมีประเด็น “OTT TV โอกาสและทางรอดของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยในระบบนิเวศสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป” ถูกหยิบมาถกโดย 3 กูรูวงการสื่อ ผู้ผลิตคอนเทนต์
อีก 7 ปี “ทีวีดิจิทัล” ตายก่อนคว้าขุมทอง “โอทีที”
อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ที่ปรึกษาเนชั่น กรุ๊ป และกรรมการสมาคมโทรทัศน์ระบบจิตอล(ประเทศไทย) ให้มุมมองว่า โอทีที ทีวี เป็นโอกาสของผู้ประกอบการสื่อ ผู้ผลิตคอนเทนท์ เพราะถือเป็นช่องทางใหม่ในการนำเนื้อหารายการดี มีคุณภาพ ตอบโจทย์คนดู
ทว่า โจทย์ใหญ่คือสิ่งที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเผชิญมาตลอดกว่าครึ่งทางของประมูลไลเซ่นส์มาทำธุรกิจ ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ การเสพสื่อเปลี่ยนแพลตฟอร์ม ภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยน มีทั้งการไลฟ์ สื่อสังคมออนไลน์ ฯ ทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ
การฝ่าพายุดิสรัปชั่นระลอกแล้วระลอกเล่า อาจทำให้ทีวีดิจิทัลค่ายต่างอาจอยู่ไม่รอด เพื่อไปคว้าขุมทรัพย์จากโอทีที ทีวีย่อมเป็นได้ เพราะนับวันยังมี “ตัวแปร” กระทบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกระแสทวิตเตอร์ ปรับลดคน เฟซบุ๊กหรือ Meta “ขาดทุน” เทคโนโลยีความคมชัดก้าวหน้าเป็น 4K-16K แต่ทีวีดิจิทัลของไทยยังเป็นระบบความคมชัดปกติ(เอสดี) เป็นต้น
“โอกาสจากโอทีที ทีวีมีอยู่มหาศาล แต่ผู้ประกอบการจะรอดถึงได้ใช้โอกาสเหล่านั้นไหม แค่นั้นเอง”
ทางรอด ต้องวางแผนแม่บทใหม่
ทั้งนี้ หากต้องการให้ผู้ประกอบการทีวีดิจัล “รอด” บนเส้นทางสื่อ เพื่อรับโอกาสโอทีที ทีวี คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต้องโละทิ้งโร้ดแมปเดิมๆ ลดข้อจำกัด และวางแผนแม่บทใหม่ ให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ “แข่งขัน” ได้
เนื่องจากข้อดีที่เกิดจากการประมูลไลเซ่นส์ทีวีดิจิทัล คือเอกชนมีอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ ซอฟท์แวร์ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญผลิตคอนเทนต์ ที่ต่อยอดได้ หลังสิ้นสุดการระยะเวลาประกอบกิจการใน 7 ปีข้างหน้า
“แผนแม่บทก่อนประมูลทีวีดิจิทัล ทิ้งไปได้เลย เรกูเลเตอร์ต้องเขียนใหม่ มองไปอีก 10 ปีข้างหน้า เหมือนสื่อยักษ์ใหญ่ต่างประเทศ ที่กำหนดว่าจะเลิกทำทีวี วิทยุ เวลานี้กสทช.เราต้องคิดได้แล้ว”
ที่ผ่านมา กสทช.เจอผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ยังถามถึงการประมูลครั้งใหม่ หลังสิ้นสุดใบอนุญาตเดิม “อดิศักดิ์” ย้ำว่า “กรุณาเลิกถาม เพราะไม่มีใครประมูลแล้ว บนเงื่อนไขปัจจุบัน”
ขอ 5 ปีทดเวลาบาดเจ็บ ไลเซ่นส์ทีวีดิจิทัล
เดียว วรตั้งตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วัน สามสิบเอ็ด จำกัด ในฐานะผู้ผลิตคอนเทนท์ ย้ำชัดโอทีที ทีวี คือ “โอกาส” ที่ใหญ่มาก ทว่า ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจะไปรอดอย่างไร ในโลกธุรกิจที่แข่งขันสูง เทคโนโลยีเปลี่ยนแรง ซ้ำร้ายเผชิญวิกฤติโควิดจนต้องปรับตัวเพื่อคว้าขุมทรัพย์จากแพลตฟอร์มใหม่ๆ มากขึ้น
ยิ่งย้อนครึ่งทางของไลเซ่นส์ทีวีดิจิทัล ช่วง 5 ปีแรก ผู้ประกอบการ “เสียโอกาส” มหาศาล เพราะฝุ่นตลบในอุตสาหกรรม จากเหตุที่ “กสทช.” กลัดกระตุมผิดเม็ดตั้งแต่ต้น
“5 ปีแรกทีวีดิจิทัลเสียเวลาฟรี เวลาของไลเซ่นส์ที่เหลือ จึงควรชดเชย ทดเวลาบาดเจ็บให้ผู้ประกอบการ ซึ่งจริงๆเราไม่รู้จะไปถึงวันนั้นไหม แต่การได้เวลาทดบาดเจ็บเพิ่ม เราอาจทำอะไรได้มากขึ้น”
ระหว่างทางอีกเกือบ 7 ปีที่เหลือของใบอนุญาต กสทช.ควรปรับวิธีคิดใหม่ โดยคิดภาพใหญ่ระดับโลก แต่ปฏิบัติในระดับประเทศให้มากขึ้น หรือ Think Global Act Local มองภาพรวมเพื่อขับเคลื่อนอุตสหากรรมทีวีไทยให้เติบโต ไม่ว่าจะเป็นการทำทีวีแห่งชาติ การนำช่องสาธารณะมาต่อยอดให้เกิดประโบชน์ การป้อนคอนเทนท์คุณภาพตอบโจทย์คนดู เป็นต้น
“วันนี้กลับมาสู่ความจริงสุดท้าย กสทช.ต้องสร้างอินฟราสตรัคเจอร์ให้เกิดขึ้น ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์”
ที่ผ่านมาความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ไม่ได้ทำให้ค่ายทีวีดิจิทัลตกใจ แต่ต้องตระหนักมากขึ้น เพราะการเผชิญโจทย์ดังกล่าวเกิดตั้งแต่ทีวีดาวเทียม เป็นต้น
“คีย์เวิร์ดสำคัญ ต้องกลับไปแก้ไขอินฟราสตรัคเจอร์ให้ถูกต้อง ส่งเสริมอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลให้ครอสฟังชั่นก์ ให้ปีนี้รอดให้ได้ก่อน เพราะวันนี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วมาก สิ่งที่คุย 3-4 เดือนก่อน ปัจจุบันล้าสมัยแล้ว”
งบโฆษณาทีวีหมดยุคเฟื่องฟู
แม้ไม่มีช่องทีวีดิจิทัล แต่ถือเป็นผู้ผลิตเนื้อหา รายการชั้นนำของเมืองไทยมายาวนาน ทำเงินเติบโต แต่ภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคไม่เหมือนเดิม ดูทีวีน้อยลง ส่งผลต่อ “เรทติ้ง” สุดท้ายกระทบเงินโฆษณา สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ ดร.โชคชัย เอี่ยมฤทธิไกร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ฟันธงอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาทาง “ทีวี” จะไม่มีทางครองเม็ดเงินเหมือนอดีตอีกแล้ว
นอกจากนี้ การสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกอากาศทางทีวีให้ดังโกยเรทติ้งยากขึ้น เดิมใช้เวลา 1 ปี ผู้บริผู้บริโภครับรู้ ปัจุบันใช้เวลา 1 ปี 9 เดือน โกยยอดวิวบนออนไลน์หลัก “ร้อยล้านวิว” คนรู้จัก 50% หากยืนระยะ 2 ปี ต้องเสิร์ฟคอนเทนท์ผ่านติ๊กต๊อก(TikTok)สร้างกระแส ดึงคนกลับมาดูทีวี จะสร้างรับรู้ได้ 70%
ทั้งนี้ ย้อนยุคเฟื่องฟู ทีวีโกยเงินโฆษณามหาศาลราว 60,000 ล้านบาทต่อปี ทว่าสื่อหลากหลาย ออนไลน์ทรงพลัง ชิงขุมทรัพย์ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันทีวีครองเม็ดเงินราว 40,000 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนแพลตฟอร์มออนไลน์ไทย ที่ผู้ประกอบการพยายามสร้างสรรค์ ชิงเงินโฆษณากับแพลตฟอร์มโลก ต่อสู้มา 7-8 ปี ยอมรับว่าสู้ไม่ได้จริงๆ
“อดีตสื่อมี 4–6 ช่อง ครองเม็ดเงิน 60,000 ล้านบาท ปัจจุบันทีวีดิจิทัลประเภทธุรกิจ 15 ช่อง มีเม็ดเงินเพียง 40,000 ล้านบาท งบโฆษณาทางทีวีลดลงเรื่อยๆการจะทำสื่อแล้วได้เงินจำนวนมาก ไม่ใช่ทางรอดอีกต่อไป เพราะแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก มีการทำแพ็คเกจให้ลูกค้าซื้อโฆษณาง่ายขึ้น”
ทีวีแห่งชาติต่อยอด Soft Power คอนเทนต์
แนวโน้ม “โอทีที ทีวี” สร้างโอกาสให้ผู้ผลิตคอนเทนท์มากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องการเห็นคือ รัฐนำเงินที่ได้จากการประมูลทีวีดิจิทัลมาทำ “ทีวีแห่งชาติ” เพื่อเป็นสื่อกลางในการนำเสนอคอนเทนท์ไทยสู่สายตาชาวโลก ดึงรายได้เข้าประเทศ
ตัวอย่าง รายการศึก ONE ลุมพินี ที่เทโรฯ ช่อง 7 ผนึก “ONE Championship” เพื่อถ่ายทอดสดทางช่อง 7 เวลา 20.30 น.ทุกวันศุกร์ เริ่ม 20 มกราคม 2566 ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปีที่นำกีฬาไปแทนที่ “ละคร” ช่วง “นาทีทอง” หรือไพรม์ไทม์ ซึ่งจากความดังของซอฟท์พาวเวอร์มวยไทย ทำให้เพิ่มโอกาสดึงเม็ดเงินโฆษณาจากแบรนด์ระดับโลกมากขึ้น
“ทิศทางประเทศไทย ควรมีทีวีแห่งชาติ เพื่อทำการถ่ายทอดคอนเทนต์สู่สายตาชาวโลก ให้เห็นว่าเรามีคอนเทนต์ที่เจ๋ง สร้างความภาคภูมิใจ สร้าง Soft Power”







