ธุรกิจสายหวานไปต่อ ‘อาฟเตอร์ ยู’ กำไร 9 เดือนคัมแบ็คโต 1,011%
ขอโตด้วย! เพื่อรับสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอย หนุนสายหวาน ออกมาทานขนม เข้าคาเฟ่ ดันยอดขาย "อาฟเตอร์ ยู" เติบโต ยิ่งกำไรร้อนแรงมาก 9 เดือน โต 1,011% แผนรุกปี 66 เปิดร้านเพิ่มทั้งใน-ต่างประเทศ บุก CLMV ฮ่องกง ต่อเนื่อง
เมื่อธุรกิจเอาตัวรอดจากโควิด-19 ได้ และเข้าโค้งสุดท้ายปี 2565 สถานการณ์ต่างๆเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น กลายเป็นแรงส่งให้กิจการค้าขายต่างๆ ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ธุรกิจขนมหวาน หรือคาเฟ่ เป็นอีกหมวดที่กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดด
“อาฟเตอร์ ยู” แบรนด์คาเฟ่ที่สายหวานชื่นชอบ ด้วยรสชาติอร่อย เมนูหลากหลาย จึงครองใจกลุ่มเป้าหมายทั้งไทยและต่างชาติจำนวนมาก ปีก่อนบริษัทยังเผชิญผลกระทบโควิดไม่ต่างจากรายอื่น อีกตัวแปรที่อาจส่งผลต่อการค้าขายในอนาคต คือเทรนด์สุขภาพ ลดหวาน บริโภคน้ำตาลน้อยลง แต่ทีมผู้บริหารยังยืนหยัดในธุรกิจหลักที่ขอเสิร์ฟขนมหวาน เอาใจคนอยากฟินขั้นสุด
เมื่อขนมหวานยังครองใจผู้บริโภค บรรยากาศ วิถีการใช้ชีวิตนอกบ้านกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้ “อาฟเตอร์ ยู” กลับมาทำเงินในไตรมาส 3 มูลค่า 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 362% ขณะที่ 9 เดือน รายได้จากการขายอยู่ที่ 674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทว่า “กำไรสุทธิ” โตทะลุทลวง 1,011% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
สาเหตุของการเติบโตของรายได้ เพราะ “ร้านขนมหวาน” ซึ่งมีสัดส่วนการทำรายได้สูงสุด มีการเติบโต รับสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทำให้ผู้บริโภคเริ่มกลับไปรับระทานของหวานที่ร้าน(Die-in)มากขึ้น อีกทั้งสาขาของร้านเพิ่ม และรายได้จาก “นักท่องเที่ยว” ขยายตัวด้วย
เพราะการเปิดร้าน จำนวนสาขา เป็นหนึ่งในกุญแจความสำเร็จของธุรกิจร้านอาหาร ร้านขนมหวาน และปี 2565 “อาฟเตอร์ ยู” กลับมาขับเคลื่อนธุรกิจต่อเนื่อง อย่างปลายปีจนถึง มกราคม 2566 บริษัทได้เปิดร้านคอนเซปต์ After You into the woods ที่ร้านอาหาร Midwinter เขาใหญ่ เสิร์ฟเมนูพิเศษให้ลูกค้า และร้านดังกล่าวยังต่อยอดจาก After You on the beach ที่เปิดให้บริการลูกค้าช่วงหน้าร้อน เป็นการนำ “ฤดูกาล” มาสร้างโอกาสการขาย เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ต่างๆด้วย
ร้าน “ลูกก๊อ” เป็นการแตกไลน์เสิร์ฟผลไม้ เอาใจสายสุขภาพบ้าง นอกจากเอาใจ “สายหวาน” จนประสบความสำเร็จอย่างดี การเปิดร้านลูกก๊อ ปี 2565 แตะ 5 สาขาเรียบร้อย โดยเปิดทั้งเทอมินอล 21 พระราม 3 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ขนาบข้างกับ “อาฟเตอร์ ยู”
เมื่อ “อาฟเตอร์ ยู” ทำเงินมากสุด การเปิดร้านจึงมีต่อเนื่อง 5 สาขาในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ช่วงโควิดธุรกิจที่ได้รับผลกระทบต้อง “ปรับตัว” กันจ้าละหวั่น บริษัทได้ปั้นโมเดล อาฟเตอร์ ยู มาร์เก็ตเพลส ร้านเดี่ยวหรือ Stand alone ให้บริการลูกค้า ปีนี้เปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ที่คอสโม บาซาร์ ไลฟ์สไตล์ มอลล์ ทำให้มีร้านทั้งสิ้น 5 สาขา
ส่วนเกมรุกปี 2566 บริษทวางแผนเปิดร้านอาฟเตอร์ ยู เพิ่มอีก 5 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนร้านรูปแบบมาร์เก็ตเพลส จะเห็นไม่ต่ำกว่า 15 สาขา เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น และเป็น “ช่องทาง” เสิร์ฟลูกค้าเดลิเวอรี และซื้อกลับบ้าน รับไลฟ์สไตล์เปลี่ยนหลังโควิด-19 ระบาด ปีหน้าจะรุกตลาดกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามหรือ CLMV ด้วย ผ่านรูปแบบ “แฟรนไชส์” ที่กำลังเซ็นสัญญากับพันธมิตร รวมถึงการเปิดร้านที่ “ฮ่องกง” เพิ่ม 2 สาขา
“บริษัทมองหาโอกาสเติบโตในต่างประเทศต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวและกระจายความเสี่ยงด้านรายได้”
ปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักจากร้านขนมหวานและเครื่องดื่ม 84% จากแบรนด์ อาฟเตอร์ ยู 44 สาขา และร้านกาแฟมิกก้า(Mikka) 10 สาขา ส่วน 16% เป็นรายได้จากขายการสินค้าและวัตถุดิบให้กับแฟรนไชส์ รับจ้างผลิตสินค้าให้ลูกค้า การขายและจัดงานนอกสถานที่ รวมถึงค่าธรรมเรียมแฟรนไชส์อาฟเตอร์ ยูที่ฮ่องกง และแบรนด์มิกก้า
ปี 2566 อาฟเตอร์ ยู มองธุรกิจสายหวานจะ “ฟื้นตัว” โตต่อ จากโควิดคลี่คลายต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะปี 2565 รายได้ขนมหวานจากนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 20.7% จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีสัดส่วนเหลือ 1.5% เท่านั้น เรียกว่าตัวเลขการเพิ่มขึ้นเป็นหลัก “สิบเท่าตัว” จากฐานนักท่องเที่ยวต่ำ หดหายไปเพราะไวรัสมฤตยู
