ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้น 1.89 ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้น 1.89 ดอลล์

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันพุธ(14ธ.ค.)ปรับตัวขึ้น 1.89 ดอลลาร์ แม้มีการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก 1.89 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.28 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 10.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล

ด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 7.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ดีดตัวต่อเนื่องจากวานนี้ ซึ่งพุ่งขึ้น 3% ขานรับการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันขานรับคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันที่พุ่งขึ้นในปีหน้า

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันตลาดโลกในปีหน้า โดยได้ปัจจัยบวกจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน

ทั้งนี้ ในรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนธ.ค. โอเปกระบุว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาวะผ่อนคลายด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการที่จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

โอเปกยังระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ด้านสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ออกรายงานเตือนว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นในปี 2566 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะตึงตัวในตลาดจากการที่ชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่อุปสงค์น้ำมันสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์

"แม้ว่าการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับผู้บริโภคที่กำลังเผชิญกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น แต่เรายังคงต้องจับตาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันรัสเซียต่อไป" รายงานระบุ

ไออีเอ คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียจะลดลง 14% สู่ระดับ 9.6 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งหากเป็นจริงตามคาด ก็จะทำให้ราคาสัญญาน้ำมันพลิกดีดตัวขึ้นสวนกระแสที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ไออีเอ คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันจากอินเดียและจีน

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากภาวะตึงตัวในตลาด หลังจากที่บริษัททีซี เอเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของแคนาดาประกาศปิดท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน เนื่องจากพบการรั่วไหลของน้ำมัน โดยคีย์สโตนเป็นท่อส่งน้ำมันจากรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังแถบกัลฟ์โคสต์และมิดเวสต์ของสหรัฐ

นักลงทุนยังคาดหวังว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน

โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่เพิ่มขึ้นหลังมีการเปิดประเทศ จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นอีก 15 ดอลลาร์/บาร์เรล

"อุปสงค์น้ำมันของจีนจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล/วันโดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2565 ถึงปี 2566" รายงานระบุ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การที่จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และช่วยคลี่คลายวิกฤติการเงินของสายการบินขนาดใหญ่ 3 แห่งของจีน หลังประสบภาวะขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19