'แบรนด์หรู' ยึดพื้นที่สื่อนอกบ้าน ปลุกมู้ดคนรวย! ออกมาชอปปิง

'แบรนด์หรู' ยึดพื้นที่สื่อนอกบ้าน ปลุกมู้ดคนรวย! ออกมาชอปปิง

'แพลน บี' รับอานิสงส์แบรนด์หรูสายเปย์ ลุยสื่อสารการตลาด ใช้พื้นที่สื่อโฆษณานอกบ้าน จับกลุ่มเป้าหมายคนรวย สวนทางสินค้าอุปโภคบริโภค รัดเข็มขัดตามกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-ล่าง ปรับคาดการณ์เงินโฆษณาปี 65 อาจไม่ถึง 1.2 แสนล้าน เหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน ฉุดแบรนด์เทงบ

เงินโฆษณาระดับ “แสนล้านบาท” เป็นตัวเลขกลมๆที่ผู้ประกอบการสื่อ คนโฆษณาหยิบยกมาพูดกัน แต่มูลค่าดังกล่าวเป็นราคาเต็ม ยังไม่ลด แลก แจกแถมกัน ขึ้นอยู่กับการเจรจาและ “อำนาจต่อรอง”

ตัวเลขล่าสุด 10 เดือน “นีลเส็น” รายงานเงินสะพัดกว่า 98,000 ล้านบาท เติบโตราว 10% เกือบทุกสื่อเติบโต มีเพียงสิ่งพิมพ์ยังคงหืดจับต่อไป ทว่า หนึ่งในสื่อที่เติบโตร้อนแรงหลายปี ยกให้ “สื่อนอกบ้านและสื่อเคลื่อนที่” แม้โควิดจะเล่นงานพอสมควร เพราะการล็อกดาวน์ทำให้ผู้คนอยู่บ้าน แต่แนวโน้มการขยายตัวหลังโควิดคลี่คลาย มีให้เห็นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สื่อนอกบ้านมกราคม-ตุลาคม 2565 มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท จำนวนนี้มีผู้เล่นใหญ่อย่าง “แพลน บี” ทำตลาดอย่างคึกคัก ขยายธุรกิจสร้างการเติบโต และปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปิดที่ 5,800 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนทำเงิน 4,400 ล้านบาท

ธนพร เตชวิวรรธน์ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ และ รวิสรา อัศวเหล่าวงพงศ์ นักลงทุนสัมพันธ์อาวุโส บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด(มหาชน) เล่าว่า ก่อนเกิดสงครามความขัดแย้งระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” ที่ลามราคาพลังงาน เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น บริษัทคาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาปี 2565 จะอยู่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท ฟื้นตัวใกล้เคียงก่อนโควิด-19 ระบาด

ทว่า เมื่อเกิดสงคราม ต้องปรับประมาณการณ์ตัวเลขใหม่ ซึ่งมองว่าอาจเติบโตไม่ถึงดวงดาว ทำเงิน 1.2 แสนล้านบาท

แม้ภาพรวมสื่อโฆษณาไม่โต แต่เจาะจงสื่อนอกบ้าน ยังขยายตัว สัญญาณบวกหนึ่งที่บริษัทเห็นคือสินค้าและบริการ โดยเฉพาะ “แบรนด์เนมหรู” ต่างพากันออกมาทุ่มเงินซื้อสื่อโฆษณานอกบ้านของแพลน บี กันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น Dior Louis Vuitton CHANEL เป็นต้น

\'แบรนด์หรู\' ยึดพื้นที่สื่อนอกบ้าน ปลุกมู้ดคนรวย! ออกมาชอปปิง “ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา สื่อโฆษณานอกบ้านฟื้นตัวแบบก้าวกระโดดและแข็งแกร่ง สินค้าที่ใช้เงินกับบริษัทเยอะจะเป็นกลุ่มลักชัวรีแบรนด์ เช่น หลุยส์ วิตตอง ชาแน ดิออร์ ใช้เงินมากขึ้นทั้งป้ายโฆษณาตามถนน สนามบิน มีการโปรโมทเยอะกว่าเมื่อก่อน เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อระดับกลางถึงสูง ที่ยังคงใช้จ่าย” ภาพดังกล่าวยังสวนทางกับฐานผู้บริโภคระดับกลางถึงล่าง ที่ค่อนข้างรัดเข็มขัด ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภค(FMCG) ใช้จ่ายเงินซื้อโฆษณาอย่างระมัดระวัง

แบรนด์หรูกลับมาสื่อสารการตลาดอีกครั้ง ไม่แค่ปลุกมู้ดคนรวยให้กลับไปชอปปิง ซื้อสินค้ากระตุ้นยอดขายของแบรนด์ อีกด้านยังขานรับการท่องที่ยวฟื้นตัวด้วย เมื่อมองสื่อโฆษณานอกบ้านเจาะทำเล “สนามบิน” มีแนวแนวโน้มโตต่อเนื่อง ตามนักเดินทางหรือทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นทั้งคนไทยเที่ยวในประเทศ คนต่างประเทศมาเยือนไทย ซึ่งตัวเลขล่าสุดทะลุ 10 ล้านคนเรียบร้อยตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

แม้สื่อโฆษณานอกบ้านที่สนามบินจะโต แต่ภาพรวมยังไม่ฟื้นตัวเท่ากับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด แต่สัญญาณบวกดีขึ้นต่อเนื่อง เอื้อการเติบโตของบริษัทด้วย โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่เป็นไฮซีซั่นการท่องเที่ยว รวมถึงช่วงเวลาทำเงินหรือหน้าขายของแพลน บี ด้วย

ไม่ใช่แค่แบรนด์หรู สายเปย์ แต่ธุรกิจอื่นของแพลน บี ยังทยอยมีโมเมนตัมเติบโต ไม่ว่าจะเป็นกีฬา และการบริหารจัดการศิลปินอย่าง BNK48 ที่อยู่ภายใต้เอนเกจเมนต์ มาร์เก็ตติ้ง

\'แบรนด์หรู\' ยึดพื้นที่สื่อนอกบ้าน ปลุกมู้ดคนรวย! ออกมาชอปปิง อย่างกีฬา รายการสำคัญยกให้ “มวย RWS” ที่กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่ ปรับปรุงสนาม แสงสีเสียงเต็มที่ พร้อมดึง “บัวขาว VS โคตะ” จนได้ใจชาวไทย เกิดไวรัลในหมู่คนดู ขยายฐานสู่ “สาวๆ” ที่ตาม “โคตะ” นักชกหน้าละอ่อนจากญี่ปุ่น ซึ่งปลายปีจะมีอีก 1 แมทช์บนสังเวียน RWS ด้วย เฉพาะรายการมวยบริษัทคาดการณ์ทำเงินราว 200 ล้านบาท

ส่วนกีฬาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลคิงส์ คัพ ไทยลีกส์ ยังคงมีคอบอลติดตามดูการฟาดแข้ง รวมถึงที่ผ่านมาได้ลุยทีวีเพื่อการท่องเที่ยวและกีฬาภายฝต้ “ทีสปอร์ต 7” เพื่อถ่ายทอดสดกีฬา เช่น ซีเกมส์ ปีหน้าจะมีกีฬาใหญ่ของชาวเอเชีย อย่าง “เอเชี่ยนเกมส์” ครั้งที่ 19 ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม 2566 ซึ่งบริษัทได้สิทธิ์ถ่ายทอดสด ช่องทีสปอร์ต 7 ยังต่อยอดธุรกิจกีฬาอื่นๆในอนาคตของบริษัทด้วย จากปัจจุบันมี 5 กลุ่มกีฬา

ขณะที่อีเวนท์จากไอดอลหญิงกลุ่ม BNK48 เริ่มกลับมาจัดกิจกรรมเลือกตั้ง จับมือ และจะมีคอนเสิร์ตใหญ่อำลา “รุ่น1” ซึ่งคาดว่าโอตะจะไม่พลาดร่วมกิจกรรม เป็นอีกหนึ่งกุญแจสร้างการเติบโตรายได้ปีนี้ด้วย

ช่วงวิกฤติโควิด-19 ระบาด กระทบภาพรวมสื่อโฆษณา อัตราการใช้สื่อนอกบ้านของแพลน บี ลดลงเช่นกัน ขณะนี้อยู่ระดับ 50% ปลายๆ ทั้งปีคาดการณ์ Utilize แตะ 60% และปีหน้าจะฟื้นตัวเรื่อยๆ กลับไปสู่ระดับ 70-80% เหมือนตอนก่อนเจอโรคระบาด และเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต บริษัทยังหาทำเลสื่อนอกบ้านใหม่ๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพิ่ม รวมถึงการเปลี่ยนจอดิจิทัลเดิมให้เป็นจอใหม่ เพื่อตอบสนองลูกค้าด้วย ซึ่งแผนเหล่านี้ปีหน้าวางงบราว 500 ล้านบาท เพื่อลงทุนต่อยอดโอกาส

หลายเดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทย แบรนด์ไทยมีโอกาสไปขึ้นป้ายโฆษณาอยู่ใจกลางมหานครของนิวยอร์กอย่าง “ไทม์สแควร์” ซึ่งบริษัทเพิ่งไปลงทุน 70 ล้านบาท เพื่อมองการขยับขยายธุรกิจสื่อนอกบ้านที่ต่างแดน ภายใต้สัญญา 1 ปี ผลตอบรับคือแบรนด์ไทยอีกหลายราย ยังอยากมีพื้นที่แจ้งเกิด สร้างการรับรู้แบรนด์และสินค้าในเวทีโลก