"ชาเทรียม" ลุยลงทุน 3 รร.หรู ภูเก็ต-สมุย ปรับโฟกัสรุกอสังหาสร้างรายได้ประจำ
วิกฤติโควิด-19 ในห้วงเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา “ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้” กลุ่มโรงแรมและเรสซิเดนส์สัญชาติไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ภายใต้การพัฒนาของ บริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือตระกูล “โสภณพนิช” ได้เบนเข็มทิศการลงทุน
จากเคยพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ทำให้ขายยากขึ้น! เลือกปรับโฟกัสมารุกธุรกิจอสังหาฯแบบ “สร้างรายได้ประจำ” ในระยะยาว เช่น โรงแรม แทน
สาวิตรี รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ เปิดเผยว่า เครือชาเทรียมตั้งเป้าขยายโรงแรมใหม่ในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้ มีจำนวนห้องพักเติบโต 2 เท่า จากปัจจุบันเปิดให้บริการประมาณ 3,500 ห้อง จากโรงแรมทั้งหมด 12 แห่งใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย 10 แห่ง เมียนมา 1 แห่ง และญี่ปุ่น 1 แห่ง ประกอบด้วยแบรนด์ “ชาเทรียม แกรนด์” (Chatrium Grand) 1 แห่ง “ชาเทรียม” (Chatrium) 6 แห่ง “มายเทรียณ์” (Maitria) 4 แห่ง และ “เอ็มโพเรียม สวีท” 1 แห่ง
“ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เครือชาเทรียมจะพัฒนาโรงแรมใหม่อีกอย่างน้อย 3-5 แห่ง ทั้งในประเทศไทย รวมถึงจุดหมายปลายทางใหม่ๆ อย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งจะใช้แบรนด์ ชาเทรียม เป็นตัวบุกทำตลาดต่างประเทศ”
หนึ่งในแผนการขยายโรงแรมใหม่ใน “ประเทศไทย” เครือชาเทรียมจะพัฒนาโรงแรมหรูบนที่ดินของตระกูลโสภณพนิชในเมืองท่องเที่ยวหลัก “ภูเก็ต” และ “สุราษฎร์ธานี” 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวพลัส ภายใต้แบรนด์ “ชาเทรียม แกรนด์” 2 แห่ง แห่งแรกตั้งอยู่ตรงหาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต ซึ่งมีที่ดินอยู่ 192 ไร่ จำนวนวิลล่ารวม 350 หลัง ส่วนแห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีที่ดิน 30 ไร่ (ติดกับโรงแรม โฟร์ซีซันส์ รีสอร์ต เกาะสมุย) จำนวนห้องพักรวม 136 ห้อง เป็นวิลล่าขนาด 1-2 ห้องนอน 28 หลัง ส่วนโรงแรมภายใต้แบรนด์หรูระดับ 5 ดาว “ชาเทรียม” อีก 1 แห่ง ตั้งอยู่ตรงหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีที่ดิน 34 ไร่ จำนวนห้องพักรวม 330 ห้อง
ด้านแบรนด์โรงแรมและเรสซิเดนส์ระดับกลาง 4 ดาว “มายเทรียณ์” คาดขยายไปยังจุดหมายยอดนิยมอื่นๆ ในไทย เช่น พัทยา เขาใหญ่ และภูเก็ต จากปัจจุบันเปิดให้บริการ 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมมายเทรียณ์ สุขุมวิท 18, โรงแรมมายเทรียณ์ โมด สุขุมวิท 15 และ มายเทรียณ์ พระราม 9 ซึ่งให้บริการโรงแรมและเรสซิเดนส์อย่างละ 1 แห่ง
สาวิตรี เล่าเพิ่มเติมว่า สำหรับโรงแรม “ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ” มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ย่านสยาม ใกล้แหล่งชอปปิงและสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงเทพฯ ให้บริการห้องพัก ห้องสวีท และเรสซิเดนซ์ รวม 582 ห้องภายในตึกแฝด ประกอบด้วยห้องพักกว้างขวาง ขนาดตั้งแต่ 46 ตารางเมตร ห้องสวีท 1-3 ห้องนอน ขนาด 170 ตารางเมตร ไปจนถึงเพนต์เฮาส์ ขนาด 321 ตารางเมตร หลังจากเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวานนี้ (7 ธ.ค.) พบว่าผลตอบรับมียอดจองห้องพักล่วงหน้าค่อนข้างดี และแข็งแรงในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลี สิงคโปร์ และตะวันออกกลาง ตั้งเป้าหมายมีอัตราการเข้าพักไต่ระดับไปที่ 75% ในช่วงปลายปี 2566
“เครือชาเทรียมมองว่าการเปิดตัวโรงแรม ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. อยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม สอดรับการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ของภาคการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก โดยถือเป็นโรงแรมเรือธงที่โดดเด่นและเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมือง และเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันระดับไฮเอนด์ของเรา”
ขณะเดียวกัน ได้แสดงให้เห็นถึงความสง่างามที่แท้จริงของวัฒนธรรมไทยผ่านการออกแบบภายในและบริการอันประณีตโรงแรมฯ เพื่อต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกในช่วงไฮซีซัน นอกจากนี้ยังเชิดชูมรดกไทยผ่านทักษะของช่างฝีมือท้องถิ่นที่มีความสามารถ เพื่อนำเสนอการตีความที่สดใหม่ของศิลปะ วัฒนธรรม และสุนทรียศาสตร์ของไทยอีกด้วย
ด้านภาพรวมการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปี 2566 ตามที่ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ได้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยประมาณ 20-24 ล้านคน มองว่าขึ้นกับการฟื้นตัวของตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” ด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยระหว่างนี้เครือชาเทรียมได้ใช้กลยุทธ์รุกหาตลาดอื่นๆ ทดแทน เช่น อินเดีย และตะวันออกกลาง
