‘บิ๊กซี พลัส’ ยกเครื่องแอปฯ ดันช้อปออนไลน์โต สร้างขุมคลังบิ๊กดาต้า

อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ฉายภาพว่า กลยุทธ์ของบิ๊กซีมุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้ามีความสุข สะดวกสบาย และได้รับสินค้าและบริการในราคาที่คุ้มค่า ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเติมเต็ม ไม่ว่าจะที่สาขา รวมทั้งทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์บิ๊กซีออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ดี

ล่าสุด ได้ต่อยอดสู่การพัฒนาแอปพลิเคชั่นโฉมใหม่(revamp)สู่ “บิ๊กซี พลัส” (Big C PLUS) เพื่อตอบโจทย์การชอปปิงของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นผ่านปลายนิ้ว พร้อมบริการจัดส่งรวดเร็ว ทั่วไทย

เจาะลึก “บิ๊กซี พลัส” โฉมใหม่ ดร.ปิยะวรรณ ปิยะพงษ์ รองประธานบริหารเจ้าหน้าที่สายธุรกิจดิจิทัล บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เล่าว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 100 ล้านบาทต่อปี เพื่ออัพเกรดเทคโนโลยี พัฒนาแพลตฟอร์ม เพิ่มฟีเจอร์ ฟังชันก์ต่างๆบนแพลตฟอร์ม “บิ๊กซี พลัส” แข็งแกร่งเป็นซูเปอร์แอป และมีบริการครบครัน ตอบโจทย์ลูกค้านับล้านให้ชอปปิงบนออนไลน์ทุกวัน เชื่อมกับบิ๊กซีกว่า 1,500 สาขาในไทย ส่วนคู่ค้าจะเป็นทั้งหน้าร้าน นำเสนอสินค้าที่ขายในห้างบิ๊กซี และสินค้าอื่นมาตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ จะมีบริการเสริมเพิ่ม เช่น บริการด้านการเงิน โอนเงินสดระหว่างธนาคาร ชำระค่าบริการ บริการด้านสุขภาพหรือเทเลฟาร์มาซี ปรึกษาปัญหาสุขภาพแล้วจ่ายยา เป็นต้น เรียกว่าประสบการณ์หน้าร้านมีอะไร จะยกมาอยู่บน “บิ๊กซี พลัส” ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค

ทั้งนี้ บิ๊กซี พลัส ถือเป็นการทรานส์ฟอร์มจากแพลตฟอร์มเดิม ที่ทำตลาดมา 7-8 ปี มีฐานลูกค้า 3.9 ล้านราย เมื่อยกเครื่องใหม่ ตั้งเป้าหมายยอดดาวน์โหลดแตะ 5 ล้านรายในปี 2566

การรุกอีคอมเมิร์ซครั้งนี้ มีการซุ่มตั้งทีมงานหลายร้อยชีวิต อายุเฉลี่ย 30 ปี จากหลายวงการ ทั้งเทคโนโลยี การเงิน ฯ นำความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เทียบองค์กรเทคระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Google facebook ฯ มาพัฒนา วางโครงสร้างพื้นฐานแอปฯ “บิ๊กซี พลัส”

“เราใช้เวลาราว 1 ปีเพื่อปรับแอปฯใหม่ทั้งหมด เพราะแพลตฟอร์มเดิมลูกค้าใช้งานไม่ลื่นไหล และโร้ดแมป 5 ปี เราวางแผนใช้เงินราว 100 ล้านบาทต่อปี เพื่อพัฒนาแอปฯต่อเนื่อง มุ่งให้ลูกค้าบิ๊กซี 17 ล้านราย ใช้งานทุกวัน อีกมิติถือเป็นฐานข้อมูลใหญ่ เพราะทุกครั้งที่เข้ามาออนไลน์แต่ยังไม่ซื้อสินค้า แต่ได้ทิ้งดิจิทัล ฟุตปริ้นท์ ทำให้เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการ โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้กลับมาช้อปภายหลัง”

แอปฯ “บิ๊กซี พลัส” ประเดิมให้บริการในไทย แต่อนาคตจะขยายไปยังประเทศกัมพูชา และลาวด้วย เพราะรูปแบบห้างค้าปลีกคล้ายกับไทย ส่วน “เวียดนาม” จะมีแพลตฟอร์มของตัวเอง เพราะปัจจุบันแบรนด์ “เอ็มเอ็ม เมก้ามาร์เก็ต เวียดนาม” มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว

“บิ๊กซี พลัส” ไม่เพียงต่อจิ๊กซอว์อีคอมเมิร์ซของกลุ่ม อีกด้านคือแหล่งเก็บฐานข้อมูลลูกค้า(Big Data)ที่จะต่อยอดธุรกิจในอนาคต ซึ่งบริษัทมีแผนจะขยายตลาดข้ามพรมแดน ทั้งรุกตลาดจีนที่จะเห็นในปี 2566การมองโอกาสนำสินค้าไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาตลาด

ดร.ปิยะวรรณ กล่าวอีกว่า ภาพรวมอีคอมเมิร์ซที่ผ่านมามีการเติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ระบาด แต่จากนี้ไปการโตจะชอลง ขณะที่ยอดขายบิ๊กซีทุกช่องทางขายหรือออมนิชาแนลเติบโต 60% การพัฒนาแอปฯ “บิ๊กซี พลัส” หวังดึงลูกค้ากลับมาช้อปหนุนการเติบโต 100% ขณะที่การทำตลาดอีคอมเมิร์ซมา 7-8 ยอดขายมีสัดส่วน 1 หลัก จากการแถลงแผน 5 ปีของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ระบุสัดส่วนยอดขายอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 3% เท่านั้น แต่การซื้อสินค้าออนไลน์ต่อบิลอยู่ระดับ 2,000 บาท มากกว่าช้อปที่สาขา 3 เท่าตัว

สำหรับบิ๊กซี พลัส มีสินค้ามากกว่า 35,000 รายการให้ช้อป ครอบคลุมอาหารสด อาหารแห้ง ของใช้ส่วนตัวและในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กและใหญ่  เฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน สินค้ากลุ่มแม่และเด็ก ฯ ผู้บริโภคยังอัพเดทสินค้าจากสาขาเรียลไทม์ แลกคะแนนบิ๊กพอยต์เป็นส่วนลดทันที พร้อมทางเลือกหลายหลายในการรับ-จัดส่งสินค้า ทั้งบริการจัดส่งด่วนภายใน 1 ชั่วโมง (Express Delivery) และจัดส่งวันถัดไป (Next-Day Delivery) เฉพาะเขตและพื้นที่ที่ให้บริการ  จัดส่งทุกที่ทั่วไทยโดยส่งแบบพัสดุ (Parcel Delivery)  หรือรับสินค้าที่สาขาใกล้บ้าน (In-Store Pickup)

อย่างไรก็ตาม ช่วงเปิดแอปฯครั้งใหม่ บิ๊กซี พลัส มีสิทธิพิเศษ โปรโมชั่นสุดปังมอบให้ผู้บริโภค เพียงล็อกอินหรือสมัครสมาชิกบิ๊กพอยต์ครั้งแรกผ่านแอปฯ รับทันทีคูปองส่วนลดรวม 500 บาท สำหรับใช้ที่สาขาบิ๊กซี และพิเศษ! สมาชิกบิ๊กพอยต์รอรับคูปองพิเศษเฉพาะคุณและคูปองส่วนลดทุกวัน 365 วัน หรือจะใช้คะแนนบิ๊กพอยต์เพียง 9 คะแนน แลกดีลเด็ดสุดว้าวจากพาร์ทเนอร์ได้ทุกสัปดาห์ เป็นต้น