"ท่องเที่ยว" ปรับแนวรุกจับ "ไฮเอนด์" ชิงกำลังซื้อยุคเศรษฐกิจถดถอยป่วนโลก!

"ท่องเที่ยว" ปรับแนวรุกจับ "ไฮเอนด์" ชิงกำลังซื้อยุคเศรษฐกิจถดถอยป่วนโลก!

นักท่องเที่ยว “กลุ่มไฮเอนด์” ได้กลายเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ของบรรดาประเทศต่างๆ บนสมรภูมิท่องเที่ยวโลกที่ต้องขับเคี่ยวแย่งชิงกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก ในยุคหลังโควิด-19 ซึ่งกำลังถูกภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” พ่นพิษ!

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.วางกลยุทธ์ดึง “กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง” แบ่งเซ็กเมนต์เจาะหลายกลุ่ม สำหรับตามแบบจำลองกลุ่มบุคคล (Persona) มี 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ส่วนตามช่วงวัยของประชากร มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Millennials กับกลุ่ม Active Senior และตามพฤติกรรม มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Medical & Wellness และกลุ่ม Conscious Travelers

ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เล่าเสริมว่า ในช่วงไฮซีซั่นนี้ ตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 – ไตรมาส 1/2566 ทาง ททท.ต้องออก “แทกติคอล แคมเปญ” (Tactical Campaign) เพื่อกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างตรงจุดในแต่ละตลาด สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ เช่น ในตลาดสิงคโปร์ ได้ออกแคมเปญ “สิงคโปร์ โก ไฮ” (Singapore Goes High) ทำงานร่วมกับพันธมิตรสายการบินและบริษัทนำเที่ยว 8 ราย สู่เป้าหมายสร้างการเติบโตในระดับสูงขึ้น เช่น จำนวนนักท่องเที่ยว และการใช้จ่ายสูง โดยมิติ High Spending” รุกทำตลาดกลุ่มใช้จ่ายสูง ด้วยการหาพันธมิตรใหม่และเซ็กเมนต์ใหม่ เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศไทย อาทิ กลุ่ม Porche Club, Classic Car และสมาชิกบัตรเครดิตระดับแพลตินัมที่เป็นผู้หญิง

ทั้งนี้ ททท.กำหนดเป้าหมายรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2566 กรณีฐาน (Base Case) ไว้ที่ 18 ล้านคน บนเงื่อนไขตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” กลับมาบ้าง สร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ 971,790 ล้านบาท ขณะที่กรณีดีที่สุด (Best Case) ตั้งเป้าไว้ที่ 30 ล้านคน บนเงื่อนไขนักท่องเที่ยวจีนกลับมาแบบเต็มๆ

สาวิตรี รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ กล่าวว่า แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติ “กลุ่มไฮเอนด์” มีแต่จะเพิ่มขึ้นในยุคหลังโควิด-19 ทั้งจากตลาดตะวันออกกลาง อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงตลาดดั้งเดิมอย่างยุโรปและสหรัฐ เห็นได้จากห้องพักโรงแรมแบบสวีทราคาสูงขายได้ดี!

ล่าสุด เครือชาเทรียมฯ เพิ่งเปิดตัวโครงการใหม่ “ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ” ใช้เงินลงทุน 5,500 ล้านบาท (ไม่รวมมูลค่าที่ดิน) บนทำเลทองใจกลางย่านสยาม ใกล้แหล่งชอปปิงและสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นการเปิดตัวแบรนด์โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวพลัส “ชาเทรียม แกรนด์” แห่งแรกของแบรนด์นี้ ด้วยจำนวนห้องพักกว่า 582 ห้องภายในตึกแฝด กำหนดเปิดให้บริการวันที่ 28 พ.ย.นี้ วางกลยุทธ์เจาะลูกค้า “กลุ่มไฮเอนด์” ที่มีดีมานด์การท่องเที่ยวต่างประเทศสูงมากในยุคหลังโควิด นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับตลาดคนไทย ด้วยการนำเสนอบริการด้านอาหารอันโดดเด่นเป็นตัวชูโรงสร้างชื่อเสียง

“ปี 2566 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับภาคท่องเที่ยวไทย ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจีนจะเปิดประเทศเมื่อไรด้วย คาดการณ์ว่าไตรมาส 2 ปีหน้าจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเดินทาง ส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจโรงแรมในไทย”

นอกจากนี้ยังมี Pent up Demand” หรือความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากนักท่องเที่ยวต้องชะลอการเดินทางในช่วงโควิด-19 ระบาด ประกอบกับราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (ADR) ของกรุงเทพฯ ยังถือว่าต่ำสุดในเอเชีย! เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาไทย เพราะคุ้มค่าเรื่องค่าใช้จ่ายในภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ทั้งประเทศไทยยังเป็นจุดหมายยอดนิยมที่คนอยากเดินทางมาเยือนซ้ำ จากเสน่ห์ของคนไทย ฮอสพิทอลลิตี้ที่เรามี และแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

ก่อนหน้านี้ รายงานข่าวจากบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” ระบุว่า สายการบินฯได้เปิดตัวบัตรสมาชิก Bangkok Airways “The Elite” beyond limit ที่ให้สมาชิกบัตรฯ สามารถเดินทางแบบไม่จำกัดเส้นทางและจำนวนเที่ยวบินตลอดระยะเวลา 1 ปี เปิดจำหน่ายทางเว็บไซต์ของบางกอกแอร์เวย์ส เริ่มวันที่ 1-30 พ.ย.นี้ เปิดให้บริการสำรองที่นั่งล่วงหน้าพร้อมออกเดินทางได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.2566 ทั้งนี้เงื่อนไขการใช้บัตรฯ จะเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

โดยมีบัตร 2 ประเภทได้แก่ “บัตร Elite” ชำระค่าธรรมเนียม 1 ครั้ง ราคา 120,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยสามารถบินได้ไม่จำกัดเที่ยวบินสำหรับเฉพาะในเส้นทางภายในประเทศ จำนวน 16 เส้นทาง รวมถึงเส้นทางบินจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี 2566 โดยสามารถสำรองที่นั่งบัตรโดยสารได้ทั้งแบบเที่ยวเดียว และ ไป-กลับ พร้อมบัตรกำนัลเข้าใช้บริการ บูลริบบอนคลับ เลาจน์ สำหรับผู้ติดตาม จำนวน 5 ใบ มูลค่ารวมกว่า 4,750 บาท

ส่วน “บัตร Elite Plus” ชำระค่าธรรมเนียม 1 ครั้ง ราคา 190,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยสามารถบินได้ไม่จำกัดเที่ยวบินทั้งเส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมจำนวน 23 เส้นทาง รวมถึงเส้นทางบินจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี 2566 โดยสามารถสำรองที่นั่งบัตรโดยสารได้ทั้งแบบเที่ยวเดียว และ ไป-กลับ พร้อมรับบัตรกำนัลเข้าใช้บริการ บูลริบบอนคลับ เลาจน์ สำหรับผู้ติดตาม จำนวน 10 ใบ มูลค่า 9,500 บาท และ Voucher ห้องพัก 1 คืน ณ รีสอร์ทสุดหรู “SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton” ทั้งนี้ สามารถแลกรับสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ 3 ต่อ จาก “กลุ่มสยามพิวรรธน์” เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ONESIAM SuperApp