ตามรอย “ศรีนานาพร” เจาะตลาดเวียดนาม ปักแบรนด์ไทย 'เบนโตะ' ขึ้นเวทีรีจินัล

ปัจจุบันสินค้าไทย เคลื่อนทัพธุรกิจสู่ภูมภาคอาเซียน เพื่อก้าวสู่เป็นแบรนด์ระดับภูมิภาคหรือ Regional Brand มากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะตลาดในประเทศเล็กไป จากขนาดประชากรกว่า 60 ล้านคน อีกด้านประเทศเพื่อนบ้านกำลังเติบโต ประชากรวัยหนุ่มสาว การบริโภคสูง อำนาจซื้อขยายตัว

บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้ผลิตและทำตลาดผลิตภัณฑ์เบนโตะ เจเล่ ขนมขาไก่โลตัส ฯ นอกจากเติบโตในประเทศไทย สร้างรายได้ “หลายพันล้านบาท” ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน เป็นอีกหมุดหมายสำคัญ

ฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง นำทัพสื่อมวลชนเปิดโรงงานผลิตสินค้า สำรวจตลาด พร้อมเล่าเส้นทางการเติบโตตลอด 15 ปี ในประเทศเวียดนาม

เหตุผลที่บริษัทเข้ามารุกตลาด พร้อมทุ่มงบ 20 ล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานผลิตเบนโตะ เจเล่ และขนมขาไก่โลตัส ในเวียดนาม เพราะมองศักยภาพประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรป้อนการผลิต อีกทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี จากนโยบายส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) เมื่อผลิตสินค้าส่งออกยังมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอื่นๆจากเขตการค้าต่างๆด้วย

นอกจากนี้ ขนาดตลาดใหญ่ด้วยประชากรกว่า 98 ล้านคน ปีหน้าจะแตะ 100 ล้านคน กลายเป็น “กลุ่มเป้าหมาย” ที่บริโภคสินค้าของศรีนานาพร ยิ่งกว่านั้นประชากรเวียดนามยังมี “รายได้เติบโตทุกปี”

วิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP พาสื่อมวลชนสำรวจตลาดในห้าง emart เวียดนาม

ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคชาวเวียดนาม ละม้ายคล้ายคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 15-39 ปี ชอบทานข้าว ทำกิจกรรมนอกบ้าน และปาร์ตี้ จึงเป็นโอกาสของขนมขบเคี้ยว(สแน็ค)ปลาแผ่นอย่าง “เบนโตะ”

“จะเห็นว่าคนหนุ่มสาวเวียดนามที่อยู่ในเมือง ชอบไปดื่มเบียร์ จิบกาแฟ หรือแฮงก์เอาท์ตามคอมมูนิตีมอลล์ เราจึงทำตลาดเบนโตะโดยวางจำหน่ายคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนกลายเป็นหนึ่งในกับแกล้มที่ผู้บริโภคทานด้วยเสมอ ส่วนขนมขาไก่โลตัส เราแทรกในร้านกาแฟ เพื่อให้จิบกาแฟคู่กัน”

โอกาสใหญ่มาพร้อมอุปสรรค ซึ่งโจทย์ยากของการทำตลาดในเวียดนา “ฐากร” คือพื้นที่เหนือจรดใต้ยาวราว 4,000 กิโลเมตร(กม.) หากขนส่งสินค้าโดยบรรทุกจากจังหวัด “บินห์เซือง”(Binh Duong) ที่ตั้งของโรงงาน S.T. Food Marketing (STFM) ซึ่งถือหุ้น 100% ผ่าน บจก. SNNP International ภายใต้ศรีนานาพรฯ ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 3 วัน

โรงงานผลิตสินค้าเบนโตะ ขนมขาไก่โลตัส และเจเล่ที่เมืองบินห์เซียง เวียดนาม

บริษัทจึงเตรียมความพร้อมสร้างการเติบโตในอนาคต ด้วยการสร้างคลังสินค้า(Depot)ให้ได้ 25 แห่งในปี 2566 จากปัจจุบันมี 16 แห่ง และพลิกร้านค้าพันธมิตรสู่ตัวแทนจำหน่ายสินค้าหรือเอเยนต์เป็น 40 รายในปี 2566 จาก 30 กว่าราย เพื่อหนุนการกระจายสินค้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ

“เวียดนามเป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ที่จะทำให้ศรีนานาพร เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน แต่ความยากคือโลจิสติกส์ เพราะเวียดนามจากเหนือจรดใต้พื้นที่ยาวมาก การทำงานเราจึงต้องเตรียมความพร้อมให้เหมือนกับไทย มีระบบจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง เพื่อกระจายสินค้าให้ดีขึ้น”

คณะผู้บริหารและฑูตฯไทยประจำเวียดนาม รวมถึงพันธมิตร CAC ร่วมเปิดโรงงาน

บุกเบิกตลาดเวียดนาม 15 ปีแล้ว จิ๊กซอว์ความสำเร็จของ “ศรีนานาพร” ในเวียดนาม คือการมีพันธมิตรบริษัท Chance and Challenge Co., Ltd. หรือ CAC นำเข้าสินค้าจากไทยมาจำหน่ายผ่านกลยุทธ์ Localization Strategy เจาะร้านค้าทั่วไปถึง 140,000 แห่งทั่วประทั่วประเทศ และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ 8,275 แห่ง

“ร้านค้าทั่วไปมีนับล้านราย ขณะที่ห้างค้าปลีกสมัยใหม่มีเพียง 30% เท่านั้น”

การสร้างแบรนด์เป็นกลยุทธ์ระยะยาว และ "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก" ดังมากในเวียดนาม จากการแสดงภาพยนตร์อ้ายคนหล่อลวง บริษัทจึงดึงเป็น "พรีเซ็นเตอร์" สร้างการรับรู้แบรนด์และสินค้า เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง

นอกจากเวียดนาม ศรีนานาพร ยังมองขยายตลาดสู่ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลาง ยุโรป จีนฯ สร้างการเติบโตสู่รายได้รวม 8,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี แต่จากผลงานล่าสุดมั่นใจทะลุเป้าแน่นอน รายได้ดังกล่าวจะมาจากต่างประเทศ 40-45% เจาะลึกพอร์ตโฟลิดอต่างประเทศ “เวียดนาม” จะทำรายได้ราว 2,000 ล้านบาทด้วย

ภารกิจปั้นแบรนด์ไทยสู่ Regional เพื่อก้าวสู่องค์กรระดับโลกต่อไป

สำหรับความสำเร็จของศรีนานาพรฯในเวียดนาม เกิดจากการผลิตสินค้าคุณภาพแบรนด์ไทยเป็นตัวตั้ง มีภาษาไทย และ Product of Thailand ได้ยิ่งดี

“ศรีนานาพรฯ เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัว วันนี้เราต้องการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในตลาดกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนามหรือซีแอลเอ็มวี เพื่อขยับสู่การเป็นองค์กรระดับโลก ส่วนการสร้างฐานผลิตในเวียดนาม เรามองเป็นบ้านหลังที่ 2 ต่อจากไทย ตั้งเป้าเติบโตในเวียดนามให้มากกว่านี้ เพราะฐานการผลิตเราแกร่ง และสินค้าไทยแบรนด์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก”

"ศรีนานาพร" เป็นหนึ่งใน "ทุนไทย" ที่ปักหมุดสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ในเวียดนาม แต่ยังมีอีกหลายบริษัทไทยที่เข้าไปคว้าขุมทรัพย์ทางการตลาดในอนาคต แล้วเวียดนามเนื้อหอมแค่ไหน กรุงเทพธุรกิจ นำข้อมูลมาแบ่งปัน เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาส 3 เติบโต 13.7% ปี 2566 ประชากรเวียดนามจะทะลุ 100 ล้านคน จากปัจจุบันมากกว่า 98.95 ล้านคน โดยประชากรวัยทำงานมีมากกว่า 50.3 ล้านคน ประมาณการณ์อีก 20 ปี จึงจะเข้าสู่สังคมสูงอายุ 

การเมืองมีเสถียรภาพสูงภายใต้ระบอบสังคมนิยม การลงทุนจากภาครัฐ 8 เดือนแรก มีมูลค่า 258.4 ล้านล้านเวียดนามด่ง เติบโต 16.9% ภาคอุตสาหกรรมมีความแข็งแกร่ง รัฐบาลมีการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)

หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย นักท่องเที่ยวเยือนเวียดนามกว่า 1.44 ล้านราย เติบโตถึง 1,272.1% ด้านสถานการณ์ตลาดค้าปลีกหมวดสินค้าและบริการ เวียดนามสร้างมูลค่าถึง 3,679.2 ล้านล้านเวียดนามดอง เติบโต 19.3% เฉพาะภาคค้าปลีกมีมูลค่าถึง 2,925 ล้านล้านเวียดนามด่ง เติบโต 15%