สแกนความพร้อมขุมทรัพย์ "จีนเที่ยวไทย" ลุ้นกลาง ต.ค. กดปุ่มเปิดประเทศ ?!

สแกนความพร้อมขุมทรัพย์ "จีนเที่ยวไทย"  ลุ้นกลาง ต.ค. กดปุ่มเปิดประเทศ ?!

ตลาดนักท่องเที่ยว “เอเชีย” เริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 กันหมดแล้ว ยกเว้นแค่ “จีน” ซึ่งยังต้องรอสัญญาณชัดเจนจากรัฐบาลจีนว่าจะเปิดตลาดเมื่อไร หลังปี 2562 ก่อนโควิดระบาด ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนมากเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 11,138,658 คน สร้างรายได้กว่า 531,576 ล้านบาท

ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากภาพรวมการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวเอเชียตอนนี้ เหลือเฉพาะ “ตลาดจีน” จริงๆ ต้องติดตามผลการประชุมสมัชชาใหญ่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน วันที่ 14-16 ต.ค.นี้ ในวาระครบรอบ 100 ปี ซึ่งจะมีการประกาศแผนฉบับที่ 22 ระยะ 4 ปี ถือเป็นจุดเปลี่ยน “ฟันธง” ว่าประเทศจีนจะดำเนินนโยบายเกี่ยวกับโควิด-19 ต่อไปอย่างไร

“ขอให้ทางการจีนเปิดประเทศจริงๆ ททท.มั่นใจว่าดีมานด์การเดินทางจะไหลเข้าไทย แม้ในช่วงนี้จะมีความกังวลเกี่ยวกับราคาตั๋วเครื่องบินขากลับเข้าประเทศจีนซึ่งลดลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังถือว่าแพงอยู่ เมื่อจีนเปิดประเทศ ก็คาดว่าจะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินลดลงมาอีก”

 

ชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. กล่าวเสริมว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการเดินทางมากขึ้น และ “ไม่มีสัญญาณลบ” ใดๆ ปัจจุบันอนุญาตให้สายการบินทั้งสัญชาติไทยและจีน สามารถทำการบินเส้นทางระหว่างไทย-จีน รวม 30 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แบ่งเป็นโควตาสำหรับสายการบินสัญชาติไทย 15 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และสายการบินสัญชาติจีนอีก 15 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ส่งผลให้ “ราคาตั๋วเครื่องบิน” โดยเฉพาะขากลับจากไทยไปจีนลดลง จากก่อนหน้านี้ราคาพุ่งสูงถึง 3 แสนบาท ปัจจุบันลดลง 5 เท่า เหลือ 5 หมื่นบาท

ทั้งนี้คาดแนวโน้มการเปิดประเทศจีนมีสูง แต่ยัง “วิเคราะห์ยาก” ว่าจะเริ่มเปิดภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2566 และเปิดรูปแบบใด จะเปิดประเทศทีเดียวแบบปังๆ หรือเริ่มด้วยการคลายล็อกบางเมืองหรือบางมณฑลก่อน เช่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีนมีข่าวว่าเริ่มปลดล็อก 5 มณฑล ได้แก่ เจ้อเจียง เจียงซู เซี่ยงไฮ้ เซียะเหมิน และกวางตุ้ง สามารถเดินทางเข้าออกฮ่องกงกับมาเก๊าได้โดยไม่ต้องกักตัวขากลับ หรือเริ่มด้วยการคลายล็อกเป็นระลอกๆ หรืออนุญาตให้นักเดินทางบางกลุ่มก่อน  

“จีนปิดประเทศมาเกือบ 3 ปีเต็ม ถ้าผู้นำจีนเคาะเปิดประเทศเมื่อไร เชื่อว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะเป็นขนมหวานที่ทุกคนต่างต้องการ โดยประเทศไทยถือว่ามีภาษีดีที่สุด ท่ามกลางความขัดแย้งของจีนกับประเทศรอบบ้าน ทำให้ไทยน่าจะมีโอกาสมากกว่าประเทศอื่นๆ”

ประกอบกับชาวจีนคิดถึงเมืองไทยมากๆ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจีนเองก็พร้อมให้บริการทันที สายการบินขอสลอตทำการบิน เตรียมซัพพลายที่นั่งโดยสารไว้แล้ว รอแค่ประธานาธิบดีจีน “กดปุ่มเปิดประเทศ” เท่านั้น แต่ปัญหาคือ “ความพร้อม” ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวฝั่งไทย หลังพบว่าบริษัทผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการการเดินทาง (Destination Management Company: DMC) และแหล่งท่องเที่ยวบางส่วนยังไม่กลับมา! เพราะก็รอดีมานด์นักท่องเที่ยวจีนกลับมาก่อนเช่นกัน แล้วค่อยเปิดให้บริการ สถานการณ์ตอนนี้จึงไม่ต่างจาก “ไก่กับไข่”

ธเนศวร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายภาพรวมนักท่องเที่ยวตลาดระยะสั้นจาก “เอเชียและแปซิฟิกใต้” ของ ททท. ตลอดปีนี้อยู่ที่ 6.5-7 ล้านคน จากเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยทั้งหมด 10 ล้านคน โดยจากสถิติล่าสุดในช่วง 9 เดือนแรก ตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกเดินทางมาไทย 6,018,943 คนแล้ว

เมื่อดูเฉพาะ 10 อันดับแรกของตลาดนักท่องเที่ยวเอเชียและแปซิฟิกใต้ อันดับ 1 คือ “มาเลเซีย” จำนวน 972,699 คน เป็นตลาดแรกที่จะทะลุ 1 ล้านคนในต้นเดือน ต.ค.นี้ เดินทางเข้าไทยหลากหลายช่องทาง ทั้งทางบก ทางรถไฟ และทางอากาศ นิยมพักนานวันขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น และไม่ได้กระจุกแค่ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ยังกระจายไปยังเมืองอื่นๆ ในภาคใต้มากขึ้น เช่น กระบี่ พัทลุง ชุมพร และนครศรีธรรมราช โดย ททท.เตรียมจัดงาน One Million Thank วันที่ 21 ต.ค.นี้ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาเลเซีย 1.2 ล้านคน

อันดับ 2 “อินเดีย” เดินทางมาไทยแล้ว 561,656 คน สิ้นปีนี้มีแนวโน้มได้ 8-9 แสนคน หลังพบว่ายอดจองล่วงหน้า (Forward Booking) ช่วงไตรมาส 4 นี้ดูดีมาก เกิน 60% แล้ว จากปริมาณที่นั่งโดยสาร 3-4 แสนที่นั่ง ด้านอันดับ 3 “สปป.ลาว” มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยสะสม 410,563 คน อันดับ 4 “สิงคโปร์” มีจำนวน 311,567 คน โดยในงาน ไอทีบี เอเชีย ตั้งแต่วันที่ 18-20 ต.ค.นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ ททท.เตรียมเปิดตัวแคมเปญ สิงคโปร์ โก ไฮ (Singapore Go High) เพื่อผลักดันยอดให้ถึง 5 แสนคนในปีนี้ ส่วนอันดับ 5 “กัมพูชา” มีจำนวนสะสม 309,034 คน อันดับ 6 “เวียดนาม” สะสม 270,227 คน

ขณะที่อันดับ 7 “เกาหลีใต้” จำนวนสะสม 246,434 คน เป้าหมายตลอดปีนี้อยู่ที่ 5 แสนคน มีดีมานด์สูงในช่วงไฮซีซันปลายปี โดยเฉพาะ “กลุ่มกอล์ฟ” ทั้งกลุ่มกอล์ฟผู้สูงวัย ผู้หญิง วัยรุ่น ลองสเตย์ และนักธุรกิจที่นิยมมาตีกอล์ฟในเชียงใหม่กับพัทยา อันดับ 8 “ออสเตรเลีย” จำนวนมาไทยสะสม 187,380 คน

อันดับ 9 “ญี่ปุ่น” มีจำนวนสะสม 178,557 คน แม้ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้จะมีปริมาณที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 30-40% แต่จากการประกาศ “เปิดประเทศญี่ปุ่น” แบบไม่มีเงื่อนไข มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไทยพรั่งพรูไปเที่ยวญี่ปุ่นจำนวนมาก และแย่งที่นั่งโดยสารเส้นทาง ไทย-ญี่ปุ่น ไปมากถึง 50-60% แต่ ททท.ก็ต้องดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยให้ได้ตามเป้าหมายปีนี้ที่ 350,000 คน และอันดับ 10 “จีน” มีจำนวนสะสมแล้ว 155,983 คน

“ตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และออสเตรเลีย ไม่มีอะไรน่าห่วง สเต็ปต่อไปของ ททท.คือการรุกคืบทำตลาดเอเชียตะวันออก ทั้งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น”