กูรูเทคโนโลยี แนะค้าปลีก ติดอาวุธ ต่อยอดโลกชอปปิงแห่งอนาคต

กูรูเทคโนโลยี แนะค้าปลีก  ติดอาวุธ ต่อยอดโลกชอปปิงแห่งอนาคต

“โลกค้าปลีก” ในยุคดิจิทัล ต่างให้ความสำคัญกับการเชื่อมโลกชอปปิงออฟไลน์สู่ออนไลน์ให้เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคช้อปซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา

ท่ามกลางเทคโนโลยี ขุมทรัพย์ข้อมูล ออนไลน์ที่ทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ แต่การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลไม่ง่าย ทำให้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย พยายามกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลง ล่าสุดจัดสัมมนา “Fueling Retail Growth through AI, Data Analytic and Metaverse” เป็นพลังขับเคลื่อนค้าปลีกให้เติบโตในอนาคต

ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องการค้าปลีก ฉายภาพว่า ค้าปลีกจากโลกอนาล็อกเมื่อก้าวข้ามสู่ขอบเขตเทคโนโลยี ไม่มีวันไหนที่ผู้ประกอบการสบายใจ เนื่องจากดิจิทัลเปลี่ยนแปลงทุกวัน เช่น การเกิดโลกเสมือนจริงหรือเมตาเวิร์ส ที่เป็นอีกอาวุธช่วยให้กลยุทธ์ต่างๆมีประสิทธิภาพในการเอาชนะคู่แข่งได้

การวางแผนธุรกิจระยะยาว 3-5 ปี กลายเป็นสิ่งที่ “ตายไปแล้ว” เพราะหลังวิกฤติโควิด-19 ทำให้การวางแผนเปลี่ยน จากวาดวิชั่น มิชชั่น วิเคราะห์จุดแข็ง-อ่อน โอกาส-อุปสรรค(SWOT) แผนธุรกิจ ไปสู่แผนดำเนินการ ฯ การมอง “ใคร” เป็นคู่แข่งยากยิ่งขึ้น เป็นต้น

“ผู้บริหารค้าปลีกต้องถอดรหัสการทำธุรกิจให้เร็วขึ้น วางวิชั่นแล้วต้องลงมือปฏิบัติเลยและต้องมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพราะอนาคต 3 ปีข้างหน้าเราอาจมองไม่เห็นภาพเดิมอีกแล้ว”

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ศาสตร์การวิเคราะห์ข้อมูล(Data analytics) และโลกเสมือนจริง(Metaverse) จะเพิ่มพลังให้ค้าปลีกอย่างไร รณพงศ์ คำนวณทิพย์ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาค บริษัท มายด์ เอไอ เซ้าท์อีสเอเซีย จำกัด กล่าวว่า หนึ่งในปัญหาใหญ่ห้างค้าปลีกเผชิญคือการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า หากไม่มีขายให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย จะเสียโอกาสทำเงินมหาศาล 1.44 แสนล้านดอลลาร์ หรือหาสินค้าไม่เจอจะเปลี่ยนแบรนด์ 30% หรือไปช้อปห้างอื่นแทน 70%

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบกานำเทคโนโลยีเอไอมาเสริมแกร่ง จะช่วยค้าปลีกหลายด้าน เช่น บริหารสต๊อก วิเคราะห์ข้อมูลซื้อขายแบบเรียลไทม์ ช่วยลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย ลดการทำงานซ้ำซ้อนของคน ฯ สุดท้ายนำไปสู่การสร้างยอดขายเพิ่ม

ขณะที่ “ข้อมูล” หรือ Data ยุคนี้มีค่ายิ่งกว่าทองคำ อดีตพ่อค้าแม่ขายมี “ดาต้า” แต่เป็นการ “จำ” ช่วงไหนสินค้าใดขายดี ปัจจุบันข้อมูลมหาศาล จึงต้องนำเทคโนโลยี เอไอ มาช่วยประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ฯ

ธี วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท เซอร์ทิส จำกัด กล่าวว่า เอไอ ช่วยค้าปลีกประเมินความต้องการของตลาด ยอดขาย ฯ ให้ “แม่นยำ” ยิ่งขึ้น รวมถึงการแนะนำสินค้าให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง(Personalized) ซึ่งผู้ประกอบการสามารถสร้างพลัง เพิ่มยอดขายและ “กำไร” ได้

นอกจากนี้ การหาสินค้า ประเภท หมวดหมู่มาเติมในร้าน เป็นอีกหัวใจสำคัญค้าขาย หากใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ ประมวลผล จะทำให้รู้ว่าสินค้าไหนจะขายดี หรือขายราคาเท่าไหร่ ช่วยบริหารสต๊อก โดยเฉพาะสินค้าสด เพื่อป้องกันการสูญเสีย หรือไม่เพียงพอต่อการขาย สิ่งเหล่านี้ เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

วิวัฒน์ มาสุจันท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย อินโดไชน่า และฟิลิปปินส์ มิราเคิล กล่าวว่า ค้าปลีกในอนาคต “หน้าร้าน” หรือสาขาอาจเป็นเพียงจุดรับส่งสินค้า เพราะเทรนด์ใหญ่ “อีคอมเมิร์ซ” โตวันโตคืน แต่นั่นเป็นเพียง “ช่องทางหนึ่ง” ของค้าปลีกเท่านั้น

ปัจจุบันอีคอมเมิร์ซถูกขับเคลื่อนจาก “อี-มาร์เก็ตเพลส” ยักษ์ใหญ่ แต่การมีแพลตฟอร์มดังกล่าวใช้เงินมหาศาลหลัก “ร้อยล้าน” และการดึงลูกค้าเป้าหมายต้องใช้เงินมหาศาล แต่การมีหน้าร้านของตัวเองจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทำกิจกรรมการตลาด สร้างความสัมพันธ์ได้ตรงมากขึ้น โดยไม่ผ่านตัวกลาง

นอกจากอีคอมเมิร์ซ มาแรง โลกเสมือนจริงเป็นอีกเทรนด์ที่ถูกกล่าวถึงมาก ซึ่ง โยฮาน เอฟฟราด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ดี.โอเอซิส กล่าวว่า ในปี 2573 เมตาเวิร์สจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 13 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2569 ผู้บริโภคจะใช้เวลา 25% ในโลกเสมือนจริง ที่น่าสนใจคือคนรุ่นใหม่ไม่แยกโลกจริงและเสมือนจริง เพราะสิ่งที่ต้องการเป็นจะไปอยู่ทั้ง 2 โลก

ทั้งนี้ ปี 2569 องค์กรต่างๆจะนำสินค้าและบริการ 30% ไปอยู่ในโลกเมตาเวิร์ส ซึ่งปัจจุบันหลายแบรนด์เข้าไปเจาะกลุ่มเป้าหมายแล้ว

สำหรับดี.โอเอซิส ซึ่งมุ่งสร้างแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส จะเปิดตัวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า พร้อมสร้างคอมมูนิตี้เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามา ขณะที่การต่อยอดธุรกิจค้าปลีก สามารถเริ่มจากทำกิจกรรมซีอาร์เอ็ม สร้างเอ็นเกจเมนต์ ปูทางสู่เส้นทางการซื้อของผู้บริโภคต่อไป