เจาะ 6 ที่สุด “นันยางพริ้ง” โกยยอดขายสูงกว่าเป้า 10 เท่า

เจาะ 6 ที่สุด “นันยางพริ้ง” โกยยอดขายสูงกว่าเป้า 10 เท่า

งานสัมมนาใหญ่ด้านการตลาดและการสื่อสารดิจิทัล แบรนด์รองเท้ารุ่นเก๋ากว่า 60 ปี อย่าง “นันยาง” ยังคงได้รับความสนใจถึงไอเดียสร้างสรรค์แคมเปญการตลาด ที่ประสบความสำเร็จเป็นกระสบโลกออนไลน์ ยิ่งกว่านั้นสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง

ล่าสุดกลยุทธ์การตลาดจานด่วนหรือ Real time marketing กับการเกาะแสมิวสิควิดีโอ หรือ MV เพลง Pink Venom ของไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง “แบล็กพิงก์” ได้สร้างปรากฏการณ์ให้แบรนด์ทั้งเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหลายล้าน โกยเอ็นเกจเมนต์สูงมากและ กวาด “ยอดขาย” เติบโต 10 เท่าจากเป้าหมายตั้งไว้

จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ฉายภาพว่า เดิมบริษัทมีแผนจะออกรองเท้าแตะลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นใหม และเป็นสีอื่น ที่ไม่ได้อิงกระแสเพลง Pink Venom ของวงแบล็กพิงก์ แต่เมื่อเห็นการเตรียมออกมิวสิควิดีโอ ทำให้ทีมงานปรับแผนกันทันที และหากลยุทธ์การตลาดเพื่อเจาะกลุมเป้าหมาย โดยมีการ

ทั้งนี้ บริษัทได้ท้าทายประชากรโลก ด้วยการประกาศวาจะผลิตรองเท้าแตะนันยางช้างดาวสีชมพูดำ หากยอดการรับชม(วิว)เอ็มวี Pink Venom ทะลุ 80 ล้านวิว ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งผลลัพธ์ความสำเร็จโกยยอดวิว ทะลุเป้า บริษัทจึงเดินหน้าผลิตสินค้า พร้อมตั้งชื่อรุ่น “นันยางพริ้ง” และเปิดรับพรีออเดอร์ก่อนนำไปผลิตสินค้าให้แก่กลุ่มเป้าหมาย

สำหรับการออกรองเท้ารุ่นนันยางพริ้ง บริษัทตั้งเป้าจะทำ 6 ที่สุด ให้เกิดขึ้นได้แก่ 1.ผู้บริโภคต้องซื้อง่ายที่สุด ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะบริษัทเปิดให้พรีออเดอร์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee พร้อมอธิบายก่อนสั่งซื้อโดยละเอีย 24 ข้อ 2.เสี่ยงน้อยที่สุด เนื่องจากบริษัทค่อนข้างมีความระมัดระวังสูงมากในการดำเนินธุรกิจ จึงไม่ต้องการเผชิญความเสี่ยงใดๆทั้งการสต๊อกสินค้า สินค้าไม่เพียงพอขาย หรือขายไม่ออก ซึ่งเม็ดเงินลงทุนที่ใช้ต้องคุ้มค่า

เจาะ 6 ที่สุด “นันยางพริ้ง” โกยยอดขายสูงกว่าเป้า 10 เท่า 3.แบรนด์โดนตำหนิจากผู้บริโภคน้อยที่สุด ที่ไม่เกียวข้องกับระบบ การสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ซื้อยาก หรือแบรนด์อธิบายลูกค้าไม่ได้ 4. ต้องมีคุณค่ามากที่สุด สำหรับผู้ที่ได้รับสินค้า เนื่องจากบริษัทไม่มีแผนจะผลิตช้างดาวพริ้งอีก 5.ใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งแคมเปญดังกล่าว เกาะกระแสเพลง Pink Venom 24 ชั่วโมง เปิดพรีออเดอร์ไม่นานเพียง 21 ชั่วโมง ตั้งแต่ 11.00 - 08.00 น. และ6.สร้างยอดขายจำนวนมากสุด 105,739 คู่ สูงกว่าเป้าหมายราว 10 เท่า จากที่คาดการณ์จะได้ยอดสั่งซื้อเพียง “หมื่นคู่” เท่านั้น เนื่องจากการผลิตรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นที่ผ่านมา เช่น นันยางเรด เกาะกระแสลิเวอร์พูล มียอดขาย 12,000 คู่ และนันยางขยะ ยอดขาย 35,000 คู่ เท่านั้น

แม้บริษัทสามารถความเป็นที่สุดได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะในเชิงแบรนด์ การสื่อสารตลาดครั้งนี้ ยังมีจุดที่ผู้บริโภคนำไปตำหนิในวงกว้าง

“การเล่นกับกระแส จะมีประเรื่องราวมากมายให้ต้องระมัดระวัง เหมือนเราขึ้นอยู่บนสันเขื่อนที่สูงมากแล้ว ด้านแบรนด์ต้องให้ผู้บริโภคตำหนิน้อยที่สุด แต่เมื่อเกิดขึ้น เราต้องขออภัย เพราะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ในการทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ”

อย่างไรก็ตาม การทำตลาดแบบเรียลไทม์จนประสบความสำเร็จครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทมีโมเดล และการเรียนรู้จากการออกรองเท้า “นันยางเรด” ซึ่งแคมเปญกดังกล่าวใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ ในการวางกลยุทธ์ สร้างสรรค์กิจกรรมออกมา เทียบกับนันยางพริ้ง ใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนเอ็มวี Pink Venom ถูกเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก

เจาะ 6 ที่สุด “นันยางพริ้ง” โกยยอดขายสูงกว่าเป้า 10 เท่า สำหรับนันยาง เป็นรองเท้าแตะที่ทำตลาดยาวนานถึง 69 ปีผลิตสินค้าสู่ตลาดนับ “ร้อยล้านคู่” ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นพื้นฐาน เนื่องจากบริษัทจับตลาดวงกว้างหรือแมส จึงไม่มีสีสันฉูดฉาดมากนัก อีกทั้งรองเท้าที่ผลิตตลอดระยะเวลากว่า 6 ทศวรรษ ล้วนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้โลกจะก้าวไปข้างหน้า พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่การไม่เปลี่ยนถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่บริษัทเติบโตเกือบ 70 ปี เพราะโฟกัสในจุดแข็ง สิ่งที่แบรนด์เชี่ยวชาญ มุ่งนำเสนอสินค้าตรงความต้องการกลุ่มเป้าหมาย และทำในสิ่งที่ “คู่แข่ง” ทำไม่ได้

รายงานข่าวระบุว่า ตลาดรองเท้ามีมูลค่าหลัก “หมื่นล้านบาท” ที่ผ่านมา การเติบโตอยู่ในภาวะทรงตัว ขณะที่การทำตลาดของนันยาง และออกรองเท้าแตะรุ่นพริ้ง เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ปลุกความคักคัก สร้างสีสันให้ตลาด เพราะนอกจากนันยาง ยังมีแบรนด์รองเท้าแตะอื่นๆ ที่นำเสนอรุ่นสีชมพูดำ ออกมาจำหน่ายด้วย