เจาะ 6 ที่สุด “นันยางพริ้ง” โกยยอดขายสูงกว่าเป้า 10 เท่า
![เจาะ 6 ที่สุด “นันยางพริ้ง” โกยยอดขายสูงกว่าเป้า 10 เท่า](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2022/09/TDbIke7azlXZ4hCN2R2v.webp?x-image-process=style/LG)
งานสัมมนาใหญ่ด้านการตลาดและการสื่อสารดิจิทัล แบรนด์รองเท้ารุ่นเก๋ากว่า 60 ปี อย่าง “นันยาง” ยังคงได้รับความสนใจถึงไอเดียสร้างสรรค์แคมเปญการตลาด ที่ประสบความสำเร็จเป็นกระสบโลกออนไลน์ ยิ่งกว่านั้นสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง
ล่าสุดกลยุทธ์การตลาดจานด่วนหรือ Real time marketing กับการเกาะแสมิวสิควิดีโอ หรือ MV เพลง Pink Venom ของไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปอย่าง “แบล็กพิงก์” ได้สร้างปรากฏการณ์ให้แบรนด์ทั้งเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหลายล้าน โกยเอ็นเกจเมนต์สูงมากและ กวาด “ยอดขาย” เติบโต 10 เท่าจากเป้าหมายตั้งไว้
จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ฉายภาพว่า เดิมบริษัทมีแผนจะออกรองเท้าแตะลิมิเต็ดเอดิชั่นรุ่นใหม และเป็นสีอื่น ที่ไม่ได้อิงกระแสเพลง Pink Venom ของวงแบล็กพิงก์ แต่เมื่อเห็นการเตรียมออกมิวสิควิดีโอ ทำให้ทีมงานปรับแผนกันทันที และหากลยุทธ์การตลาดเพื่อเจาะกลุมเป้าหมาย โดยมีการ
ทั้งนี้ บริษัทได้ท้าทายประชากรโลก ด้วยการประกาศวาจะผลิตรองเท้าแตะนันยางช้างดาวสีชมพูดำ หากยอดการรับชม(วิว)เอ็มวี Pink Venom ทะลุ 80 ล้านวิว ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งผลลัพธ์ความสำเร็จโกยยอดวิว ทะลุเป้า บริษัทจึงเดินหน้าผลิตสินค้า พร้อมตั้งชื่อรุ่น “นันยางพริ้ง” และเปิดรับพรีออเดอร์ก่อนนำไปผลิตสินค้าให้แก่กลุ่มเป้าหมาย
สำหรับการออกรองเท้ารุ่นนันยางพริ้ง บริษัทตั้งเป้าจะทำ 6 ที่สุด ให้เกิดขึ้นได้แก่ 1.ผู้บริโภคต้องซื้อง่ายที่สุด ไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะบริษัทเปิดให้พรีออเดอร์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Shopee พร้อมอธิบายก่อนสั่งซื้อโดยละเอีย 24 ข้อ 2.เสี่ยงน้อยที่สุด เนื่องจากบริษัทค่อนข้างมีความระมัดระวังสูงมากในการดำเนินธุรกิจ จึงไม่ต้องการเผชิญความเสี่ยงใดๆทั้งการสต๊อกสินค้า สินค้าไม่เพียงพอขาย หรือขายไม่ออก ซึ่งเม็ดเงินลงทุนที่ใช้ต้องคุ้มค่า
แม้บริษัทสามารถความเป็นที่สุดได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะในเชิงแบรนด์ การสื่อสารตลาดครั้งนี้ ยังมีจุดที่ผู้บริโภคนำไปตำหนิในวงกว้าง
“การเล่นกับกระแส จะมีประเรื่องราวมากมายให้ต้องระมัดระวัง เหมือนเราขึ้นอยู่บนสันเขื่อนที่สูงมากแล้ว ด้านแบรนด์ต้องให้ผู้บริโภคตำหนิน้อยที่สุด แต่เมื่อเกิดขึ้น เราต้องขออภัย เพราะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ในการทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ”
อย่างไรก็ตาม การทำตลาดแบบเรียลไทม์จนประสบความสำเร็จครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทมีโมเดล และการเรียนรู้จากการออกรองเท้า “นันยางเรด” ซึ่งแคมเปญกดังกล่าวใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ ในการวางกลยุทธ์ สร้างสรรค์กิจกรรมออกมา เทียบกับนันยางพริ้ง ใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนเอ็มวี Pink Venom ถูกเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก
รายงานข่าวระบุว่า ตลาดรองเท้ามีมูลค่าหลัก “หมื่นล้านบาท” ที่ผ่านมา การเติบโตอยู่ในภาวะทรงตัว ขณะที่การทำตลาดของนันยาง และออกรองเท้าแตะรุ่นพริ้ง เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ปลุกความคักคัก สร้างสีสันให้ตลาด เพราะนอกจากนันยาง ยังมีแบรนด์รองเท้าแตะอื่นๆ ที่นำเสนอรุ่นสีชมพูดำ ออกมาจำหน่ายด้วย