‘ดองกิ’ปรับแผน!รับพิษโควิดเปิดต่ำเป้า เจาะนอกกทม.ผนึกธนิยะลุย‘ไซซ์เล็ก’

‘ดองกิ’ปรับแผน!รับพิษโควิดเปิดต่ำเป้า เจาะนอกกทม.ผนึกธนิยะลุย‘ไซซ์เล็ก’

'ดองกิ' ยึดหมุดหมายทำเลทองใจกลางธุรกิจ ยกห้างค้าปลีก 'ไซซ์เล็ก' 1,200 ตร.ม. สินค้า 4,000-6,000 รายการ เอาใจชาว "สีลม" ที่ผู้คนจำนวนมาก และเป็นย่านไม่เคยหลับใหล ได้สัมผัสประสบการณ์ชอปปิงร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่นแบบ 24 ชั่วโมง ส่วนแผน 3 ปี หั่นเป้าเปิดไม่ต่ำกว่า 12 สาขา จาก 20 สาขา

ธุรกิจห้างค้าปลีกในไทยแม้มีศักยภาพเติบโต แต่ก็ “ปราบเซียน” ไม่น้อย เพราะมีหลากทุนเข้ามา หนึ่งในนั้นคือ “ญี่ปุ่น” ทว่า ท้ายที่สุด ก็ม้วนเสื่อ ยกทัพกลับไป

ขณะที่ “ดอง ดอง ดองกิ” ถือเป็นน้องใหม่ รุกตลาดไทยมา 3 ปี เทงบลงทุนขยายแล้ว 7 สาขา โดย 2 สาขาใหม่ที่ “เจ-พาร์ค”(J-Park Sriracha Nihon Mura) ศรีราชาจะเปิดให้บริการวันที่ 9 ก.ย.นี้  เป็นสาขา 6 ส่วนสาขา 7 อยู่ในศูนย์การค้าธนิยะพลาซา เปิดให้บริการเดือน ม.ค.2566

โยซูเกะ ชิมานุกิ ประธานกรรมการ บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพการขับเคลื่อนค้าปลีก “ดองกิ” ในประเทศไทย ได้การตอบรับที่ดี เพราะผู้บริโภคชาวไทยมีความชื่นชอบสินค้าญี่ปุ่น สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่พยายามนำเสนอสินค้าและบริการเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น แต่ด้วยสินค้านำเข้าจาก “ญี่ปุ่น” สัดส่วน 50% อาจทำให้มีโจทย์ด้าน “ราคา” ต้องพยายามหาทางปรับเปลี่ยน เพื่อให้ดีขึ้น! เพื่อตอบสนองผู้บริโภค

นอกจากนี้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุน เพื่อเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยเป้าหมายปี 2568 จะมี “ดองกิ” อย่างต่ำ 12 สาขา

“ยอมรับว่าต่ำกว่าแผนเดิมที่วางไว้จะเปิดให้ได้ 20 สาขา การปรับเป้าดังกล่าว เกิดจากผลกระทบโรคโควิด-19 ระบาด”

ส่วนทำเลเป้าหมาย มองโอกาสในโซนอื่นที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ จากปัจจุบันเปิดบริการ ดองกิ ที่เอกมัย, เดอะมาร์เก็ต แบงคอก, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, เอ็มบีเค เซ็นเตอร์, ซีคอน บางแค และเจ-พาร์ค

“สถานการณ์โรคโควิด ทำให้การขยายสาขาดองกิชะงักและช้าลง จึงปรับเปลี่ยนการเปิดเป็นปีละ 3 สาขา หรืออย่างน้อยมีไม่ต่ำกว่า 12 สาขา หากได้ 16 สาขา ถือเป็นส่วนพิเศษเพิ่มขึ้น เนื่องจากการหาทำเลในการเปิดสาขาค่อนข้างยาก โดยเฉพาะพื้นที่ในห้างค้าปลีกใจกลางเมือง จึงมองทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น พร้อมทบทวนการมีสินค้าและบริการตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย แทนการเน้นจำนวนสาขา”

สำหรับการเปิดสาขาที่ 7 ในศูนย์การค้าธนิยะพลาซา ชั้น 1 และ 2 โซนอาคารบี และเป็นโมเดลร้านขนาดเล็ก 1,200 ตร.ม. มีสินค้าจำหน่าย 4,000-6,000 รายการ (SKUs) เทียบสาขาปกติพื้นที่ 2,500-3,000 ตร.ม. มีสินค้ากว่า 12,000 รายการ สาขาดังกล่าวยังเป็นต้นแบบในการขยายร้านไซซ์เล็กในประเทศไทยด้วย จากปัจจุบันโมเดลร้านเล็กมีเปิดในสิงคโปร์ พื้นที่ 1,000 ตร.ม.

ด้านไฮไลท์ “ดองกิ” ธนิยะพลาซา จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่นเดียวกับสาขาเอกมัย มีการคัดเลือกสินค้าให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน รวมถึง “ชาวญี่ปุ่น” ในย่านสีลมมีประชากร(Traffic)หลักแสนคน เน้นสินค้าที่ซื้อกลับบ้าน รวมถึงนำสินค้าขายดีในทำเลอื่น มาเสิร์ฟลูกค้า เช่น มันเผาญี่ปุ่น ที่ฮิตตลอดกาล การพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อให้ข้อมูลสินค้า และจะเปิดร้าน Sen Sen Sushi ต่อจากสาขาเจ-พาร์ค เป็นต้น

“สีลมเป็นย่านที่ไม่เคยหลับใหล มีคนทำงาน นักท่องเที่ยว และชาวญี่ปุ่น  โลเคชั่นยังคล้ายคลึงกับการเลือกทำเลตั้งสาขาในประเทศญี่ปุ่นที่มักจะอยู่โดยรอบย่านบันเทิงในแต่ละภูมิภาค การเปิดดองกิ สาขาที่ 7 คาดว่าจะช่วยสร้างประสบการณ์ชอปปิงในแบบฉบับญี่ปุ่นให้กลุ่มเป้าหมาย”

 สำหรับภาพรวมค้าปลีกในประเทศไทย ยังมีศักยภาพในการขยายตัว เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่เมื่อเทียบกับประเทศอื่น มีทั้งหัวเมือง เมืองหลัก เมืองรอง และมีประชากรจำนวนมาก ที่สำคัญคนไทยชื่นชอบสินค้าญี่ปุ่นด้วย

นพ.ทัศนวัต สมบุญธรรม กรรมการบริหาร ธนิยะ กรุ๊ป กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรกับทางดองกิ ประเทศไทย เพื่อขยายสาขาที่ 7 เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในพื้นที่ และสอดคล้องกับนโยบายของธนิยะพลาซาที่ต้องการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์และเติมสีสันสู่ความเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่ทันสมัย ตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์คศูนย์การค้าแห่งถนนสีลม ขานรับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ของคนในพื้นที่ ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง

"เราคาดว่าดอง ดอง ดองกิ สาขาธนิยะพลาซา จะสร้างความคักคึกให้กับย่านสีลม พร้อมตอบโจทย์ความต้องการจับจ่ายสินค้าญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์และมีคุณภาพได้ในอนาคต”