เถ้าแก่น้อยฯ ปักหมุดลุยต่างประเทศ รับตลาดสาหร่ายโต สานเป้าแบรนด์โลก

เถ้าแก่น้อยฯ ปักหมุดลุยต่างประเทศ  รับตลาดสาหร่ายโต สานเป้าแบรนด์โลก

'เถ้าแก่น้อย' เดินเกมรุกตลาดสาหร่ายต่อเนื่อง มุ่งภารกิจพาแบรนด์ไทยกรุยเวทีโลก เสิร์ฟแบรนด์ "โนระ" ยึดตลาดสหรัฐฯ ต่อจากแดนมังกร ท่ามกลางเศรษฐกิจ กำลังซื้ออ่อนตัว เงินเฟ้อพุ่ง กลยุทธ์ "3GO" ยังใช้เข้มข้น รักษาความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ

ในห้วงแห่งวิกฤติโควิด-19 ระบาด ขนมขบเคี้ยว(สแน็ค)สาหร่าย เป็นสินค้าพอร์ตโฟลิโอหลักของ “เถ้าแก่น้อยฯ” และนักท่องเที่ยวจีน ตลาดจีน เป็นหนึ่งในขุมทรัพย์สำคัญของบริษัท

ทว่า ตลาดที่เคยหอมหวานได้รับผลกระทบ ทำให้บริษัทมองหาจิ๊กซอว์ใหม่สร้างการเติบโตอย่าง “จัสท์ดริ้งค์” ชานมไต้หวันมาอุดรอยรั่ว พร้อมกับการวางกลยุทธ์ 3GO สานการเติบโตใหม่

ขณะที่หลังโควิดคลี่คลาย ทิศทาง “เถ้าแก่น้อยฯ” หลายตลาดเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะ “ต่างประเทศ” โดยมีสหรัฐฯ เป็นหมุดหมายสำคัญ ซึ่ง จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัา เถ้าแก่น้อยฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด(มหาชน) ฉายภาพว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของเถ้าแก่น้อยฯ ยังเดินกลยุทธ์ 3GO อย่างเคร่งครัด ทั้ง Go Firm ให้ความสำคัญกับการรัดเข็มขัด ประหยัดต้นทุนต่างๆ

ด้านแผนระยะกลางและระยะยาวคือ GO Board การขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งจีน สหรัฐฯ และ Go Global การมุ่งสู่แบรนด์ระดับโลก ยังลุยต่อ มีการปั้นสาหร่าย “โนระ” เสิร์ฟตลาดสหรัฐฯ ซึ่งชื่อแบรนด์เรียกง่ายเมื่อเทียบกับเถ้าแก่น้อยฯ ส่วนช่องทางจำหน่าย เดินหน้าบุกเมนสตรีม หรือห้างค้าปลีกหลักๆมากขึ้น ทั้งเทรดเดอร์โจส์’ (Trader Joe's) กว่า 500 สาขาในสหรัฐฯ และเข้าสู่ประเทศแคนาดา ผ่านห้างคอสโค (Costco) เป็นต้น

การทำตลาดอย่างเข้มข้น ทำให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก เริ่มกลับมาเติบโตทำรายได้ 1,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% โดยเฉพาะต่างประเทศโตถึง 27.5% ส่วนในประเทศยัง “หดตัว” 4.2% ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 134 ล้านบาท เติบโต 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉพาะไตรมาส 2 กำไรเติบโต 218% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

เถ้าแก่น้อยฯ ปักหมุดลุยต่างประเทศ  รับตลาดสาหร่ายโต สานเป้าแบรนด์โลก สถานการณ์หลายธุรกิจเผชิญภาวะ “ต้นทุนพุ่ง” แต่เถ้าแก่น้อยฯ อยู่ในโซนปลอดภัย เมื่อวัตถุดิบสาหร่ายไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ภาพรวมบริษัทยังบริหารจัดการได้ดี

 ครึ่งปีหลังการทำตลาดยังเป็นเชิงรุก โดยในประเทศมีการออกสินค้าใหม่ สาหร่ายโรยหน้า เพื่อรับประทานกับมื้ออาหารมากขึ้น นอกเหนือจากของว่างสแน็ค รวมถึงให้น้ำหนักกับการทำตลาดสาหร่ายอบ เพื่อรับเทรนด์สุขภาพ โดยเป้าหมายบริษัทต้องการเป็น “เบอร์ 1” ในกลุ่มสาหร่ายอบด้วย

อีกไฮไลท์คือการดึงทัพนักแสดง ไอดอลดังมา “ไลฟ์” เพื่อจำหน่ายสินค้าและสร้างแบรนด์ ซึ่งผลตอบรับดี แต่ละครั้งกวาดยอดขายหลัก “สิบล้านบาท” โดยบริษัทวางแผน “ไลฟ์” 2 เดือนต่อครั้ง

ด้านเครื่องดื่ม “จัสท์ดริ้งค์” มีการชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือย บริษัทยังปรับแผนขยายตลาด ด้วยการพัฒนาสินค้าให้มีอายุการรักษายาวนานขึ้น(เชลฟ์ไลฟ์) พร้อมเริ่มส่งออกไปยังตลาดสิงคโปร์ ซึ่งผลตอบรับดีลูกค้ามีการสั่งซื้อ(ออเดอร์)ซ้ำ

วชิระ ญาณทัศนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการค้าต่างประเทศ บมจ.เถ้าแก่น้อยฯ กล่าวว่า การทำตลาดสาหร่ายเถ้าแก่น้อยในประเทศจีนจะมีการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้า จากปัจจุบันมีเพียงรายเดียวช่วยกระจายสินค้าครอบคลุมทั้งประเทศ โดยมีตัวแทนราย่อย(ซับ)ช่วยผลักดันสินค้าสู่ตลาดทั้งช่องทางออฟและออนไลน์ด้วย

ขณะที่การไลฟ์สดขายสินค้าในไทย ถือเป็นกุญแจสำคัญต่อยอดตลาดจีนด้วย เนื่องจาก “วิน เมธวิน” รวมถึงการใช้ “หยิ่น-วอร์” มาไลฟ์ช่วยเจาะกลุ่มเป้าหมายแดนมังกรอย่างดี เนื่องจากมีฐานแฟนจำนวนมาก บริษัทยังผนึกกับสินค้าไทยที่ใช้ตัวแทนจำหน่ายยเดียวกัน ในการร่วมมือทำโปรโมชั่น กระตุ้นยอดขายด้วย เช่น แลคตาซอย มิสทิน ฯ รวมถึงนำสาหร่ายไปเป็นส่วนผสมกับเครื่องดื่มในร้านกาแฟชื่อดัง ช่วยเพิ่มการบริโภค เป็นต้น

เถ้าแก่น้อยฯ ปักหมุดลุยต่างประเทศ  รับตลาดสาหร่ายโต สานเป้าแบรนด์โลก อย่างไรก็ตาม หากจีนมีการเปิดประเทศ ผู้คนออกเดินทางนอกประเทศได้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อตลาดสาหร่าย ส่วนตลาดสหรัฐฯ แบรนด์เถ้าแก่น้อย ยังทำตลาดผ่านช่องทางจำหน่ายร้านค้าย่านที่คนเอเชียอาศัยอยู่ ขณะที่แบรนด์โนระจะเข้าห้างค้าปลีก ช่องทางหลักเพื่อเจาะคนในประเทศ(Local)มากขึ้น

“แนวโน้มการเติบโตของสาหร่ายครึ่งปีหลังในตลาดสหรัฐฯ อาจอ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากมีปัจจัยเงินเฟ้อที่อาจส่งผลกระทบในช่วงไตรมาส 3-4 ส่วนตลาดจีนคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะไตรมาส 4 เป็นไฮซีซั่น ประกอบกับปีก่อนฐานยอดขายต่ำ เนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายสินค้า”

ปัจจุบันเถ้าแก่น้อยฯ มียอดขายในประเทศ 38% ต่างประเทศ 62% โดยจีนครองสัดส่วนยอดขาย 24% อย่างไรก็ตาม จากการทำตลาดทั้งปี บริษัทยังตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10-15% ด้านภาพรวมสแน็คช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตราว 11% และสาหร่ายเติบโตสอดคล้องกับตลาด 11% เช่นกัน โดยเถ้าแก่น้อย ยังครองส่วนแบ่งทางการตลาด 63% เป็นผู้นำตลาดอย่างแข็งแกร่ง