ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้น 6 ดอลล์ ดอลลาร์อ่อน,บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนตลาด

ราคาทองฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้น 6 ดอลล์  ดอลลาร์อ่อน,บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนตลาด

ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพฤหัสบดี(2พ.ย.)ปรับตัวขึ้น 6 ดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก  6.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,993.50 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง ทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดวิตกว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยืดเยื้อ และลุกลามออกนอกภูมิภาค

ขณะเดียวกัน ราคาทองได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี

การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.2565 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%

นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังจากที่เฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมวานนี้

นอกจากนี้ ในถ้อยแถลงหลังการประชุมเฟดวานนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจยุติวงจรการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบ 40 ปีแล้ว หลังจากที่คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน

"คำถามที่เราถามคือ 'เราควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกหรือไม่' ผมคิดว่าการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้เรารับรู้ได้ดีขึ้นว่าเราจำเป็นต้องทำอะไรมากขึ้นอีก" นายพาวเวล กล่าว

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนม.ค., มี.ค.และพ.ค.ของปี 2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนต.ค.