คำแนะนำสำหรับ ลูกน้อง ที่อยากออกไปเป็น “เจ้าของกิจการ”!

คำแนะนำสำหรับ ลูกน้อง ที่อยากออกไปเป็น “เจ้าของกิจการ”!

เจ้าของกิจการ จะนำไปให้ลูกน้องลองอ่านลองพิจารณา และ ลูกน้องที่ยังเป็นลูกจ้าง ที่บังเอิญมาอ่าน คงจะได้คิดพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อให้การตัดสินใจที่จะเป็นเจ้าของกิจการในอนาค

Part.1.อดีต กับ ปัจจุบัน!

ในอดีต ก่อนที่จะมียุคStart Upในหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันที่เด็กๆรุ่นใหม่ใฝ่ฝันจะเป็นStart Upตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ

ในยุคก่อนหน้านี้ พนักงานที่เป็นลูกจ้างในแต่ละธุรกิจส่วนมากใฝ่ฝันที่จะเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงาน หรืออย่างน้อยก็มีงานประจำ

ที่มั่นคงให้นานที่สุด มีส่วนน้อยถึงน้อยมากที่อยากออกมาทำธุรกิจเป็นเจ้าของกิจการตัวเอง

Part.2.ความใฝ่ฝันของเด็กรุ่นใหม่และพนักงานในปัจจุบัน!

เริ่มแตกต่างอย่างชัดเจนกับอดีตอาจจะด้วยหลายสาเหตุ เช่น เบื่องาน เบื่อเจ้านาย เบื่อปัญหา อยากมีอิสระ หรืออยากรวยเร็ว อยากเกษียณเร็วเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือไปตามฝันไปท่องเที่ยว (สารพัดเหตุผลที่ดูเหมือนมีเหตุผล แต่….หนักไปทางไร้เหตุผลในโลกแห่งความเป็นจริงมารรองรับ!)

ใครๆก็อยากจะเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง….ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำหรับพนักงาน ลูกจ้างที่อยาก”กลายพันธ์”เปลี่ยนฝันให้เป็นจริงโดยการ ลาออกมาเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง!

Part.3.คำแนะนำข้อแรก….

ถาม”เงิน”ในกระป๋าตัวเองก่อน ว่ามีเท่าไหร่?ถ้ามีน้อยหรือไม่ค่อยมี มีพ่อแม่ ญาติพี่น้องช่วยสนับสนุนเป็นแหล่งเงินทุนให้หรือไม่?

และถ้าทางบ้านไม่มีเงินทุนสนับสนุน หรือมีน้อย จะหาเพื่อนฝูง คนรู้จักมาเป็นแหล่งเงิน หรือหาทุนจากสถาบันการเงินได้หรือไม่ ทำไมสถาบันการเงินต้องให้กู้ ธุรกิจที่จะทำมีทิศทางที่สดใสจนสถาบันการเงินเต็มใจให้กู้หรือ ยากที่จะให้กู้!?

หรือฝันที่จะเป็นStart Upออกมาหาทุน มีกี่คนที่ระดมทุนได้Business Modelเจ๋งพอที่จะเป็นStart Upมั๊ย!?

ถ้ามีแต่ฝัน(อันยิ่งใหญ่ในความคิดของตัวเอง บางคนฝันที่จะเปลี่ยนโลกด้วยซ้ำ) มีแต่ฝันแต่ไม่มีเงิน อย่าได้คิดสั้นไปหาเงินกู้นอกระบบโดยเด็ดขาด เพราะชะตาของธุรกิจที่จะทำจะขาดภายในไม่กี่เดือนแรก และลามมาถึงชะตาชีวิตของตัวเองที่จะขาดตามไปในเวลาอันใกล้!

สรุปคำแนะนำข้อแรก ควรมีเงินเก็บ เงินสำรอง สำหรับเผชิญความยากลำบาก สำหรับหมุนในธุรกิจอย่างน้อย6เดือน ในช่วงที่เริ่มธุรกิจ แล้วต้องจ่ายแต่รายได้ไม่ค่อยมี!

Part.4.คำแนะนำข้อสอง….

ธุรกิจที่จะทำ เป็นธุรกิจที่สามารถตอบสนองในโลกธุรกิจจริงๆ ควบคู่ไปกับความฝันที่อยากจะทำธุรกิจนี้หรือไม่?ถ้าเป็นแค่ความอยาก ความฝัน แต่ธุรกิจที่ทำไม่ตอบโจทย์ในตลาด เช่น ไม่ค่อยมีความต้องการในตลาด ต้องสร้างตลาดใหม่(มีเวลา มีเงินทุนที่จะสร้างตลาดมั๊ย?)หรือธุรกิจที่ทำสามารถขายได้ในราคาถูกเท่านั้น เพราะต้องแข่งขันกับสินค้าจากจีนที่ล้นทะลักเข้ามาในปัจจุบัน

หรือถ้าเป็นธุรกิจบริการ เป็นบริการที่สามารถแก้Pain Pointของกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายเต็มใจที่จะจ่ายในราคาที่คุ้มทุนหรือไม่?(ถ้าไม่ใช่Start Upที่สามารถระดมทุนเพื่อยอมขาดทุนในช่วงแรกได้ ก็ต้องคิดให้ชัดเจนก่อน)

Part.5.คำแนะนำข้อสาม….

เหตุผลหลักๆ ที่ไม่ควรเป็นเหตุผลที่อยากออกมาเป็นเจ้าของกิจการ!

เช่น อยากรวยเร็วๆ จึงออกมาเป็นเจ้าของกิจการ!ถ้าคิดสั้นแบบนี้ แนะนำให้คิดใหม่อีกหลายๆรอบ!

การเป็นเจ้าของกิจการ มีโอกาสรวยอยู่แล้ว อาจจะรวยมากกว่าที่คิด แต่ไม่ควรคิดเป็นเหตุผลแรก!เพราะถ้าคิดจะรวยเร็ว มักจะมองเห็นโอกาสแบบฉาบฉวย และเต็มเปี่ยมไปด้วยความโลภในการเริ่มทำธุรกิจ แทบจะร้อยทั้งร้อย สู่ขิตเจ๊งไปไม่รอด!

เพราะ ไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนจะรวยได้ ถ้าไม่สามารถ แก้ปัญหา และ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้!

พูดง่ายๆก็คือ คิดถึงลูกค้า ก่อนที่จะคิดถึง(ความโลภ ความรวย ของตัวเอง)

อยากออกมาเป็นเจ้าของกิจการเพราะ อยากสบาย และมีอิสระ!

ถ้าอยากมีอิสระ และ สบาย แนะนำให้กินยานอนหลับ แล้วหลับเพื่อฝันไปจนกว่าจะตื่นมาพบกับโลกแห่งความเป็นจริง!

เพราะการเป็นเจ้าของกิจการจริงๆไม่มีทางสบาย โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ทำงาน7วันต่อสัปดาห์เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ

คิดเรื่องงานทั้งยามตื่น ยามหลับเป็นเรื่อปกติ ทำงานวันละสิบกว่าชั่วโมงได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเป็นเรื่องธรรมดา!

ต่อให้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ จนเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจในช่วงเริ่มต้นสร้างกิจการ ก็ยังไม่สามารถการันตีเลยว่าจะไปรอด

เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องเจอในช่วงเริ่มต้นสร้างกิจการ เช่น ความสามารถ ความอึด จังหวะเวลา และอีกหลายอย่าง จึงจะช่วยให้กิจการรอดไปได้(ในช่วงแรก)

อย่าลาออกมาเป็นเจ้าของกิจการ ตามกระแสที่บางช่วงมีบางธุรกิจดูเหมือนจะบูม ทำเงินในช่วงนั้นๆ เพราะกระแส จะมาเร็วไปเร็ว

คนที่เร็วออกเร็วอาจจะรวย แต่คนที่ตามกระแส มักจะตายตอนกระแสหมดลง!

Part.6.บทสรุป….

ที่เขียนมาทั้งหมดไม่ใช่เพื่อดับฝันของนักฝันทุกคน แต่เพื่อเตือนให้มีสติ เพื่อที่จะออกมาเป็นเจ้าของกิจการแล้วไปรอด

และพนักงานที่เป็นลูกจ้าง มักจะไม่เคยคิดว่า ชีวิตนั้นโชคดีขนาดไหน ที่ไม่ต้องทำงาน7วันต่อสัปดาห์ คิดเรื่องงาน24ชั่วโมงแม้กระทั่งบางครั้ง ไม่มีเวลากินอาหารหรือกินแต่ไม่รับรู้รสชาติอาหารเพราะคิดแต่เรื่องงานตลอดเวลา

ถึงเวลาสิ้นเดือนก็รับเงินเดือน ไม่ต้องหมุนเงิน ไม่ต้องเครียดเรื่องเงิน(ถ้าพนักงานไม่มีหนี้สินส่วนตัวมากเกินไป)

เพราะฉะนั้น ก่อนออกมาเป็นเจ้าของกิจการ ใช้เวลาที่ยังเป็นพนักงาน เรียนรู้ให้มากที่สุด ทุ่มเทให้มากที่สุด คิดและทำมากกว่าหน้าที่

เพราะเท่ากับเป็นการซักซ้อม เตรียมความพร้อมก่อนจะออกมาเป็นเจ้าของกิจการตัวเองในอนาคต

คำแนะนำ "เบื้องต้น" ทั้งหมดนี้ หวังว่า เจ้าของกิจการ จะนำไปให้ลูกน้องลองอ่านลองพิจารณา และ ลูกน้องที่ยังเป็นลูกจ้าง ที่บังเอิญมาอ่าน คงจะได้คิดพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อให้การตัดสินใจที่จะเป็นเจ้าของกิจการในอนาคต เป็นการตัดสินใจที่มีอนาคต ไม่ใช่การตัดสินใจที่ดับอนาคตเพราะออกมาเป็นเจ้าของกิจการแล้วไปไม่รอด!