อย่าเปลี่ยนปัญหาให้เป็นวิกฤติ ด้วยการ “ปลุกผีโควิด 2023!”

อย่าเปลี่ยนปัญหาให้เป็นวิกฤติ ด้วยการ “ปลุกผีโควิด 2023!”

โควิดสายพันธ์ล่าสุดที่กลายพันธ์จนแทบเป็นโรคคุ้นเคย ไม่ได้รุนแรงและร้ายแรงเหมือนตอนที่มาใหม่ๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า... ยังเห็นภาคธุรกิจและประชาชนล่มสลาย ประสบกับหายนะในสามปีที่ผ่านมาไม่สาแก่ใจเลยหรือ ถึงพยายามสร้างวิกฤติ โดยปลุกผีโควิดขึ้นมาอีกครั้ง

Part.1.ถ้ายังจำกันได้....

ผมเคยเขียนคอลัมน์นี้ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วช่วงก่อนโควิตคลี่คลาย ว่า อย่าไปกลัว และเลิกวิตกได้แล้ว

เพราะสถานการณ์ในตอนนั้น โควิตกลายพันธ์แล้ว อันตรายยังมีอยู่แต่ไม่ร้ายแรงเหมือนช่วงแรกๆ

ในช่วงนั้นก็ยังมีหมอบางคน (ที่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรในรัฐบาลแต่มักจะขยี้แพร่ข่าวร้ายเรื่องโควิต ให้ดูรุนแรงกว่าความเป็นจริง และเพราะมีบางสื่อรับลูกมาขยายผล จนกระทั่งโควิตคลี่คลาย หมอคนนั้นค่อยหายไปไม่โผล่หน้าและข้อความ อะไรออกมาอีก)

หลังจากนั้น สถานการณ์โควิตทั่วโลกและในประเทศไทย คลี่คลายจนเข้าสู่สภาวะปกติ วิถีชีวิตแบบเดิมที่คุ้นเคยกลับมาคึกคัก. จนกระทั่ง.....

Part.2.ได้เวลาปลุกผีโควิด!

เป็นเรื่องที่เข้าใจและยอมรับได้ครับ เรื่องโควิตกลับมาระบาดอีกครั้ง แต่เป็นเรื่องที่ ยากที่จะเข้าใจ ยากที่จะยอมรับ ในเรื่องการขยาย เผยแพร่ข้อมูลในทุกสื่อทุกช่องทาง ทั้งสื่อแบบเดิมและสื่อทาง Online

สื่อไม่ผิด เพราะทำหน้าที่ เป็นตัวกลางเผยแพร่ข้อมูล แต่ผู้ที่ทำหน้าที่ ขยี้ เผยแพร่ข้อมูลให้เรื่องราวมันดูเลวร้ายกว่าความเป็นจริง ควรจะถูกตั้งคำถามกับบุคคลเหล่านี้

ทั้งๆ ที่คุณหมอหลายท่าน ที่ให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงแบบตรงๆตรงมา มาตลอดหลายปีในเรื่องโควิด

จะออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อOnline และทางทีวีแล้วว่า อย่าตื่นตกใจกับโควิตรอบล่าสุดนี้ เพราะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด แต่ก็ยังมีกลุ่มคนหลายกลุ่มที่ยังคงมุ่งมั่นเผยแพร่เรื่องโควิตให้ดูร้ายแรงกว่าความเป็นจริงอย่างไม่หยุดยั้ง

Part.3.วันนี้...ยังปลุกไม่ขึ้น แต่วันต่อๆไปล่ะ....!?

ธรรมชาติคนส่วนมากมักจะเสพข้อมูลในแต่ละช่องทาง โดยไม่ไปค้นหาข้อมูลเชิงลึกต่อ และไม่ชอบที่จะวิเคราะห์ ชอบเสพอะไรง่ายๆ ยิ่งไปเจอข้อมูลเท็จที่เผยแพร่ทาง Online มักจะแชร์ส่งต่อแบบไม่คิด เรียกว่าทำตัวเองตกใจไม่พอ ขอทำให้คนรู้จักตกใจไปด้วย! (โดยไม่คิด วิเคราะห์เลยว่าเป็น เรื่องจริงหรือเท็จ)

วันนี้ ผีโควิดที่ถูกปลุกมารอบล่าสุด ยังไม่ส่งผลกระทบอะไรรุนแรงมาก ถึงแม้จะมีผู้เสียชีวิต แต่ไม่ใช่จำนวนที่มาก (ลองสังเกตุดูสิครับ คนที่ติดโควิดในรอบหลังๆ พักรักษาตัว กินยา ไม่กี่วันก็หาย ส่วนผู้ที่เสียชีวิตมักจะเป็นการเสียชีวิตจากสาเหตุอื่น เช่นโรคประจำตัว แต่เมื่อตรวจ ATK หลังการเสียชีวิต มีขีดขึ้น ก็รีบสรุปแบบลวกๆ ว่าเสียชีวิตด้วยโควิด เพื่อให้พวกขยี้คุยข่าวมีข่าวร้ายมาคุยทำมาหากินไปวันๆ!)

วันนี้ ผีโควิดรอบปัจจุบัน ยังปลุกไม่ค่อยขึ้น เพราะผู้คนจำนวนหนึ่งมีประสบการณ์ เริ่มรับรู้และระมัดระวังตัว แต่ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนช่วงแรกๆ รู้ว่าเป็นการกลายพันธ์ไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับความร้ายแรงลดลงมาเรื่อยๆเข่นกัน เพียงแต่คนจำนวนนี้มีไม่มาก ต่างจาก พวกที่ขยันปลุกที่ชีวิตคงว่างจัดต้องหาข่าวร้ายมาสร้างความตระหนกตกใจให้คนหวาดกลัว ให้เศรษฐกิจหยุดชะงักเหมือนสามปีที่ผ่านมาอีกครั้ง ทำเพื่ออะไรครับ!?

Part.4.ผีโควิต มาพร้อมกับผลประโยชน์!

เป็นเรื่องที่ต้องไปคิดและวิเคราะห์กันเอาเองว่า ใคร กลุ่มใด ธุรกิจอะไรบ้าง ที่จะได้รับผลประโยชน์ กระเป๋าตุง ถ้าผีโควิดรอบนี้ถูกปลุกมาอาละวาดอีกครั้ง!?

เริ่มตั้งแต่ วัคซีน กลุ่มใดบ้างที่ได้ผลประโยชน์ทั้งบริษัทที่ผลิตวัคซีนในระดับโลกมาจนถึงคนที่ขายวัคซีน

ทั้งนักการเมือง โรงพยาบาลเอกชนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขายวัคซีน

ไหนจะเวชภัณฑ์ทั้งถุงมือ หน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์เกี่ยวข้อง ลากไปจนถึง ยา อาหาร อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันและรักษาโควิด และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ฯลฯ

(รวมไปถึงหมอและผู้ที่ไม่ใช่หมอที่หิวแสง และพวกขยี้คุยข่าว หากินกับข่าวร้าย(ที่ไม่ใช่ข่าวร้ายทั่วไป)

Part.5.ยังมีวิกฤติอื่นที่ต้องฝ่าฟันอีกมาก

สภาวะเศรษฐกิจระดับโลกและของประเทศไทยยังไม่แน่ไม่นอน ในไทยมีสัญญาณที่ดีในเรื่องการท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง แต่ก็ยังเหนื่อยในหลายธุรกิจ

ที่น่าจับตาคือภาคการเมืองหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้ชัยชนะ ก็ไม่ง่ายที่จะจัดตั้งรัฐบาล ยังมีเรื่องการเมืองที่อาจสร้างความปั่นป่วนให้กับภาคธุรกิจได้อีก

Part.6.เพราะฉะนั้น...

ถ้าโควิดสายพันธ์ล่าสุด ร้ายแรงจริงพอๆกับยุคแรกๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ทุกฝ่ายจะให้ข้อเท็จจริงและร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันและแก้ไข

แต่คนที่ติดตามอย่างรู้จริง ก็เห็นตรงกันว่าเป็นสายพันธ์ที่ไม่ได้รุนแรงไปกว่าโรคหวัด ทั่วไป แตกต่างตรงที่อาการอื่นๆบ้าง ต้องไม่ลืมนะครับว่า โรคปอดอักเสบที่ไม่ใช่โควิต ก็คร่าชีวิตผู้คนจำนวนไม่น้อยมานานแล้ว

ถ้าโควิดสายพันธ์ล่าสุดที่กลายพันธ์จนแทบเป็นโรคคุ้นเคย ไม่ได้รุนแรงและร้ายแรงเหมือนตอนที่มาใหม่ๆ

ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า... ยังเห็นภาคธุรกิจและประชาชนล่มสลาย ประสบกับหายนะในสามปีที่ผ่านมาไม่สาแก่ใจเลยหรือ ถึงพยายามสร้างวิกฤติ โดยปลุกผีโควิดขึ้นมาอีกครั้งในตอนนี้!?

เพราะฉะนั้น คุย/เสนอ ข้อเท็จจริง โดยไม่ต้องปลุกและปั่นกระแส น่าจะเป็นวิถีของมืออาชีพ เลิกทำตัวเป็นผู้มีอาชีพ สร้างและปั่นกระแสลบซะทีเถอะครับ!