บล.กสิกรไทย แนะจับตาประชุมแจ็กสันโฮล ลุ้นเฟดไม่เร่งขึ้นดบ.จุดพลุหุ้นโลก

บล.กสิกรไทย แนะจับตาประชุมแจ็กสันโฮล ลุ้นเฟดไม่เร่งขึ้นดบ.จุดพลุหุ้นโลก

บล.กสิกรไทย มองตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือนส.ค. ยังแกว่งไซด์เวย์ รอติดตามการประชุมเฟด 25-27 ส.ค. หวังส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยช่วยจุดพลุตลาดหุ้นโลก ขณะที่ปัจจัยในประเทศได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุดจีนขอเพิ่มเที่ยวบินตรงมาไทย

บล.กสิกรไทย ประเมินตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของเดือนส.ค. จะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ คาดจะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยรอติดตามการประชุม Jackson Hole วันที่ 25-27 ส.ค. นี้ KS ให้น้ำหนักในทางที่ Fed จะส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงการทำ QT ซึ่งจะหนุนให้ตลาดหุ้นโลกมีโอกาสปรับขึ้น 

รวมทั้ง ต้องติดตามรายงานตัวเลข Core PCE ของสหรัฐ เดือน ก.ค. ตลาดคาด +0.3%MoM ชะลอจาก +0.6%MoM ในเดือน มิ.ย. โดยรวมยังคงมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะพักฐานช่วงสั้น และคงมุมมองบวกในระยะกลาง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Growth และ Technology  

ด้านตลาดหุ้นยุโรปคาดยังแกว่งตัวไซด์เวย์ ปัจจัยกดดันมาจากทั้งความกังวลเงินเฟ้อที่ยังสูงและความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย  ส่วนตลาดหุ้นฝั่งเอเซีย คาด ไซด์เวย์เช่นกัน โดยจีนยังมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากนโยบาย Zero Covid และประเด็น Geopolitic Risk

ส่วนปัจจัยในประเทศยังมีทิศทางเชิงบวก โดยมีแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เห็นได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ล่าสุด จีนเสนอเพิ่มเที่ยวบินโดยสารระหว่างไทย – จีนเป็น 15 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (จากเดิม 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์) 

และรัฐบาลยังเดินหน้าผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจ โดย ศบค.ชุดใหญ่ เตรียมลดระดับโรค Covid-19 เป็น "โรคติดต่อต้องเฝ้าระวัง" และปรับแผนรักษาตัวเป็น 5+5 บวกต่อหุ้นกลุ่ม Reopening อาทิ BEM, CRC, AEONTS  กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม อาทิ ERW, AWC 

ขณะเดียวกันเงินบาทที่อ่อนค่าประเมินเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นส่งออก (จากการศึกษาของ KS เงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาทจะส่งผลบวกต่อ Bottom line ของ SVI +25%, KCE, ASIAN +15%, TU +8%, GFPT +1% แต่ในทางตรงข้ามเงินบาทที่อ่อนค่าจะกระทบ กลุ่มโรงไฟฟ้า คือ BGRIM -9.9%, EGCO -8.4%, GULF -6.9% ฯลฯ 

 

Top pick 

*AEONTS ราคาทางพื้นฐาน 249.00 บาท

- เป็นหุ้น Reopening ที่ได้ประโยชน์จากการเดินหน้าเปิดเมือง โดยประเมินธุรกิจบัตรเครดิตมีโมเมนตัมดีในช่วงเศรษฐกิจอ่อนตัว แต่ไม่เกิดภาวะถดถอย (Recession) จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี

- ปัจจัยหนุนในระยะถัดมาจากแนวโน้มการปรับขี้นค่าแรงขันต่ำในช่วงปลายปีจะบวกต่อกำลังซื้อ

- มูลค่าหุ้นถูก ราคาหุ้นอยู่ในโซนล่าง โดยปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PER ปี FY2566 ที่ 9 เท่า และ PBV ที่ 1.8 เท่า สอดคล้องกับค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง

 

*CRC ราคาพื้นฐาน 44.50 บาท

- มีมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในไทย เวียดนาม และ อิตาลี โดยได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศ ทำให้เห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2H65 จากการกลับมาของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่ง CRC มีสัดส่วนยอดขายจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศราว 10% ของยอดขายรวม

- ธุรกิจแฟชั่นมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน (ประมาณ 81% ของยอดขายก่อน Covid) ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้โปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายมากนัก

- บริษัทมีแผนการขยายสาขาของ format ปัจจุบันใน 2H65 จะเร่งตัวมากกว่า 1H65 และจะมีการเปิดตัว format ใหม่ในธุรกิจฟูดส์ ภายใต้แบรนด์ “Tops CLUB” ที่พระราม 2

 

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

- 22 ส.ค. : ดัชนีราคาผู้บริโภคของฮ่องกง (ปีต่อปี) (ก.ค.) ตลาดคาด 1.6%

- 23 ส.ค. : ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยุโรป (ส.ค.) ตลาดคาด 49 จุด ชะลอจาก 49.8 จุดในเดือน ก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ของสหรัฐ (ส.ค.) ตลาดคาด 52 จุด ชะลอจาก 452.2 จุดในเดือน ก.ค., ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.) ตลาดคาด 5.8 แสนหลัง

- 24 ส.ค. : อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 30 ปีจากสมาคม MBA ของสหรัฐ, ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน) (ก.ค.) ตลาดคาด 0.2%MoM, สินค้าคงคลังน้ำมันดิบฝั่งสหรัฐ

 - 25 ส.ค. : ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีจากสถาบัน Ifo (ส.ค.) ตลาดคาด 86.6 จุด ชะลอจาก 88.6 จุดในเดือน ก.ค., ดัชนีจีดีพีสหรัฐ (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 2) ตลาดคาด -0.9%QoQ

- 26 ส.ค. : ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (เดือนต่อเดือน) (ก.ค.) ตลาดคาด 0.3%