คนไทยแห่เดินทาง "สงกรานต์-ซัมเมอร์" ดันแอร์ไลน์ยอดพุ่ง

คนไทยแห่เดินทาง "สงกรานต์-ซัมเมอร์"  ดันแอร์ไลน์ยอดพุ่ง

3 แอร์ไลน์ “ไทยแอร์เอเชีย-นกแอร์-ไทยไลอ้อนแอร์” เผยยอดผู้โดยสารเดินทางในประเทศช่วง “สงกรานต์ 2565” โหลดแฟคเตอร์เกิน 80% คนไทยแห่เที่ยวซัมเมอร์ทะเลใต้ “ภูเก็ต” มาแรง รีบเช็กอินก่อนทัวริสต์ต่างชาติคัมแบ็ค ด้าน “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” สิทธิใกล้หมด เหลือ 1.3 แสนสิทธิ

แม้ในเทศกาลสงกรานต์ 2565 ภาครัฐประกาศงดสาดน้ำเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แต่กระแสการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยถือว่าคึกคักมากขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากยอดการเดินทางโดยเครื่องบิน ทางสายการบินต่างๆ มีอัตราการขนส่งผู้โดยสารเส้นทางในประเทศที่ระดับมากกว่า 80% ในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเส้นทางบินในประเทศของไทยแอร์เอเชียช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ คาดว่าเส้นทางบินสู่เมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และหาดใหญ่ จะมีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (โหลดแฟคเตอร์) ที่ 90% ส่วนเส้นทางบินอื่นๆ คาดไม่ต่ำกว่า 80%

“คาดว่ากระแสการเดินทางในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์จะยังคึกคัก แม้จะไม่มีการละเล่นสาดน้ำ แต่คนไทยก็ยังเดินทางกลับบ้านเพื่อเยี่ยมญาติและท่องเที่ยวพักผ่อน”

 

++ รูทบินอินเตอร์ฯเริ่มฟื้น เม.ย.

ส่วนผลตอบรับจากการเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ พบว่าในเดือน เม.ย.นี้ เส้นทางสู่มัลดีฟส์ มีโหลดแฟคเตอร์ดีระดับ 70-80% เส้นทางสิงคโปร์-ภูเก็ต คาดมีโหลดแฟคเตอร์ดีเช่นกัน ขณะที่เส้นทางสู่เวียดนามและมาเลเซียพบว่าเริ่มมียอดจองเข้ามาแล้ว ส่วนเส้นทางอินเดียยังต้องรอยอดจองเข้ามา

โดยตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป ไทยแอร์เอเชียได้ทยอยเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศต่อเนื่องครอบคลุมตลาดอาเซียนเเละเอเชียใต้ 7 ประเทศ ได้เเก่ เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มัลดีฟส์ เเละอินเดีย รวม 18 เส้นทาง มีเป้าหมายสำคัญในการดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเดินทางเข้าประเทศไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเเละธุรกิจเกี่ยวเนื่อง หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ยาวนานกว่า 2 ปี

 

++ แห่บินเที่ยวทะเลใต้ช่วงสงกรานต์

นายธีรพล โชติชนาภิบาล ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ นกแอร์มีโหลดแฟคเตอร์เฉลี่ยที่ดี มากกว่า 80% ในทุกเส้นทางหลัก

ด้านรายงานข่าวจากสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ระบุว่า ไทยไลอ้อนแอร์ได้เพิ่มเที่ยวบินพิเศษในเส้นทาง กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช และเส้นทาง กรุงเทพฯ-กระบี่ 2 เที่ยวบินต่อวัน เพื่อต้อนรับวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเริ่มให้บริการระหว่างวันที่ 9-17 เม.ย.2565

ทั้งนี้ไทยไลอ้อนแอร์คาดว่าจะมีโหลดแฟคเตอร์ในช่วงเทศกาลดังกล่าวที่ประมาณ 80% โดยเส้นทางบินที่มียอดการจองตั๋วบินมากที่สุดคือ ภาคใต้ ได้แก่ กระบี่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และตรัง เนื่องจากตรงกับช่วงหน้าร้อนและปิดภาคเรียน ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวนิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้

 

++ “ดุสิตฯ ภูเก็ต” เผยยอดเข้าพักกว่า 80%

นางประชุม ตันติประเสริฐสุข รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ส่วนสำนักงานใหญ่ ดุสิต โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท และผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมดุสิต ลากูน่า ภูเก็ต กล่าวว่า ในภาวะปกติก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 คนไทยจะไม่ค่อยมาเที่ยวภูเก็ต ด้วยภาพลักษณ์เป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดตะวันตก ทั้งยังมองว่ามีสินค้าท่องเที่ยวในภูเก็ตมีราคาแพง แต่พอเกิดวิกฤติโควิด-19 ทำให้โรงแรมที่พักในภูเก็ตรวมถึงโรงแรมดุสิต ลากูน่า ภูเก็ต ต้องปรับตัว จัดโปรโมชั่นดึงตลาดคนไทย ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมท่องเที่ยวตลาดในประเทศ โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 รัฐช่วยจ่ายค่าโรงแรมที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน

“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้มีนักท่องเที่ยวไทยเข้าพักโรงแรมดุสิต ลากูน่า ภูเก็ต จำนวนมาก ช่วยผลักดันอัตราการเข้าพักให้อยู่ในระดับมากกว่า 80% และตลอดเดือน เม.ย.นี้คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเกิน 60%”

 

++ คนไทยรีบเช็กอินภูเก็ตก่อนต่างชาติคัมแบ็ค

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ พบว่าส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯที่คนไทยนิยมขับรถเที่ยว เช่น ชลบุรี นครราชสีมา กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา ประจวบคีรีขันธ์ และนครนายก สอดคล้องกับผลสำรวจของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ซึ่งระบุว่านักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่จะมองหาแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ เน้นการเดินทางสะดวก สามารถขับรถไปได้

ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวระยะไกล โดยเฉพาะภูเก็ต ก็ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน อีกทั้งสายการบินภายในประเทศและผู้ประกอบการโรงแรมที่พักจัดโปรโมชั่นราคาที่คนไทยเอื้อมถึง ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่คนไทยอยากไปเที่ยว ก่อนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่เหมือนเช่นปีก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19

 

++ ท่องเที่ยวสงกรานต์สะพัด 1.1 หมื่นล้าน

ททท.คาดการณ์ว่าช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย.นี้ จะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางภายในประเทศ 3.34 ล้านคน-ครั้ง ใช้จ่ายหมุนเวียน 11,000 ล้านบาท มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 41% แม้บรรยากาศโดยรวมจะมีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัว พบการติดเชื้อต่อเนื่อง จึงทำให้รายได้การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ยังไม่กลับสู่ภาวะก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19

“พฤติกรรมนักท่องเที่ยวยังเลือกเดินทางระยะใกล้ นิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และปรับลดค่าใช้จ่ายทั้งในการเดินทางท่องเที่ยวและการซื้อของฝาก”

สำหรับจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยม 10 อันดับแรกในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย.2565 พบว่าอันดับ 1 คือ กรุงเทพฯ คาดมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 458,907 คน รองลงมาคือชลบุรี 224,699 คน, นครราชสีมา 159,066 คน, ภูเก็ต 133,101 คน, กาญจนบุรี 128,535 คน, พังงา 113,813 คน, พระนครศรีอยุธยา 95,013 คน, อุดรธานี 94,637 คน, ประจวบคีรีขันธ์ 83,281 คน และนครนายก 81,149 คน

“จังหวัดที่มีสัดส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวพักค้างเกินกว่า 60% ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ได้แก่ ชลบุรี นครราชสีมา ภูเก็ต กาญจนบุรี อุดรธานี และประจวบคีรีขันธ์ เป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อมูลจาก wiseinsight.com ที่ระบุว่าคนกรุงเทพฯมีแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงสงกรานต์คิดเป็นสัดส่วน 79.8% โดยมีการเดินทางแบบไปพักค้างประมาณ 59.4%”

 

++ เฟส 4 เราเที่ยวด้วยกันเหลือ 1.3 แสนสิทธิ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com ณ วันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. พบว่าโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” ซึ่งเพิ่ม 2 ล้านสิทธิ ระยะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 พ.ค.2565 มีจำนวนสิทธิที่พักคงเหลือ 137,338 สิทธิ และจำนวนสิทธิตั๋วเครื่องบินเหลือ 485,160 สิทธิ

สำหรับรายละเอียดของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 มอบสิทธิแก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการดังนี้ สิทธิที่ 1 รัฐช่วยจ่ายค่าโรงแรมที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน จำนวน 10 ห้องหรือคืน สิทธิที่ 2 คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว รัฐช่วยจ่าย 40% สูงสุดมูลค่า 600 บาทต่อวัน (ทุกวัน) และสิทธิที่ 3 เงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน สูงสุดมูลค่า 3,000 บาทต่อผู้โดยสาร