‘โควิด-ค่าครองชีพ’ ฉุดความเชื่อมั่นทรุดต่อเนื่อง

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 42.0 ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 43.3 ถือเป็นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย ระบุ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 42.0 ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 43.3 ถือเป็นปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความวิตกกังวลมากเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศ และปัญหาค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นลดน้อยถดลง และระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก

ประกอบกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงต้องติดตามว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจไทยมากน้อยเพียงใดและยาวนานเพียงใด ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงต่ำกว่าเป้าหมายการขยายตัวที่ระดับ 2.5-4.0% ในปีนี้

ส่วนสัญญาณบวกที่จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงปลายไตรมาส 2 จากผลของการที่ ศบค. ได้ผ่อนคลายมาตรการให้แก่ผู้เดินทางเข้าประเทศที่เริ่มมีผลแล้วตั้งแต่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ในการยกเลิกการตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง 72 ชม. รวมทั้งลดวันกักตัว ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นแรงหนุนต่อเศรษฐกิจไทยได้

นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง การส่งออกยังเติบโตได้ดีจากเงินบาทที่อ่อนค่า แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว และการระบาดของโอมิครอน ที่แม้ในประเทศจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูง แต่ไม่ได้กระทบกับการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งระดับราคาน้ำมันที่เริ่มลดลง หลังจากสหรัฐและสหภาพยุโรปเริ่มปล่อยน้ำมันสำรองออกสู่ตลาด ซึ่งจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น และเริ่มกล้าที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น โครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ซึ่งหากเริ่มได้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยพร้อมที่จะฟื้นตัวได้ในช่วงปลายไตรมาส 2