ThaiBMA คาดบจ.เล็งออกหุ้นกู้สีฟ้าปีนี้

ThaiBMA คาดบจ.เล็งออกหุ้นกู้สีฟ้าปีนี้

ThaiBMA คาดเอกชนออกหุ้นกู้สีฟ้ารุ่นแรกในปีนี้ หลังพบกลุ่มธุรกิจอาหารทะแล-อาหารแช่แข็ง ให้ความสนใจระดมทุน รับกระแสความยั่งยืนมาแรง   ด้าน“หุ้นกู้อีเอสจี” ไตรมาส 1/65  มูลค่าคงค้างแตะ 3.36 แสนล้าน

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA เปิดเผยว่า จากกระแสความยั่งยืนหรือ ESG มาแรงในปีนี้ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ได้จัดสัมมนาทำความเข้าใจเทรนด์ใหม่การลงทุนเกี่ยวกับ ตราสารหนี้สีฟ้า รักษ์ทะล หรือBlue Bond เป็นครั้งแรกในประเทศ

ทั้งนี้พบว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มธุรกิจอาหารทะเลและอาหารแช่แข็ง มีความสนใจออก Blue Bond โดยคาดว่า จะระดมทุนผ่านหุ้นกู้สีฟ้ารุ่นแรกภายในปีนี้ จากบริษัทเอกชนตระหนักถึงการลงทุนในรูปแบบใหม่ดังกล่าวด้วย 

สำหรับหุ้นกู้สีฟ้า เป็นตราสารหนี้ ที่ระดมทุนโดยอาศัยหลักการออกเช่นเดียวกับหุ้นกู้สีเขียวหรือ Green Bond  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน หรือ ESG  Bond   ซึ่งหุ้นกู้สีฟ้าเป็นการระดมทุนเพื่อนำมาใช้กับโครงการที่เป็นประโยชน์กับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเลโดยเฉพาะ เช่น การรักษาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลเพื่อการอนุรักษ์และส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือการสนับสนุนการทำประมงแบบยั่งยืน

นางสาวอริยา กล่าวว่า แนวโน้มภาพรวมตลาด  ESG Bond  ในปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Green bond, Social bond, Sustainability bond และ Sustainability-Linked Bond (SLB)   เพราะภาคเอกชนประกาศจจะมีการเสนอขายในปีนี้เพิ่มเติม เช่น บีทีเอส เตรียมออก SLB  ในเดือนเม.ย.นี้ และ เอ็กซิมแบงก์ จะเสนอขาย Green Bond  5,000 ล้านบาท ในเดือนก.ย.นี้  รวมถึง        เทรนด์ใหม่  Blue Bond น่าจะเห็นออกรุ่นแรกในปีนี้ด้วย

ทั้งนี้มูลค่าการออก ESG Bond ในไตรมาสแรก 1  ปี2565  อยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท มาจากผู้ออกที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ ราว 4 หมื่นล้านบาท เป็นการออกตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน สนับสนุนโครงการเรารักกัน และภาคเอกชน เป็นออกหุ้นกู้  Green Bond ที่ 2,000 ล้านบาท  ทำให้ให้มูลค่าคงค้างเพิ่มขึ้นแตะ 3.36 แสนล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2561  

ส่วนในปี 2564  ESG Bond มีมูลค่าคงค้าง ที่2.99แสนล้านบาท เป็นมูลค่าการออกที่  1.73 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในปี 2563 ที่มีมูลค่าคงค้างที่ 1.25 แสนล้านบาท เป็นมูลค่าการออกที่ 8.64หมื่นล้านบาท ในปี2562 มีมูลค่าคงค้าง 3.9 หมื่นล้าน เป็นมูลค่าการออก 2.91หมื่นล้านบาท จากในปี 2561 มีมูลค่าคงค้างและมูลค่าการออกเพียง 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น