เมอร์เคิล ผนึก สต็อกเรดาร์ ชูพอร์ตหุ้นผสมคริปโท ยิลด์พุ่ง39%ชนะเงินเฟ้อ

เมอร์เคิล ผนึก สต็อกเรดาร์ ชูพอร์ตหุ้นผสมคริปโท ยิลด์พุ่ง39%ชนะเงินเฟ้อ

เมอร์เคิล ผนึกสต็อกเรดาร์ ชููพอร์ตลงทุนหุ้น พร้อมแบ่งเงินลงทุนผสมคริปโทสัดส่วน 10% ของพอร์ต โชว์ผลตอบแทนกว่า 39% สูงกว่าพอร์ตลงทุนปกติทำผลตอบแทน 7% ชนะเงินเฟ้อหลังพุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี  แนะจับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ย ส่วนสงครามไร้กังวล มั่นใจความต้องการคริปโทเพิ่มขึ้น

นายกานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล  เปิดเผยว่า ปัจจุบันคริปโทเคอเรนซีได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น มองเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนและสามารถจัดพอร์ตผสมผสานกับการลงทุนหุุ้น เพื่อให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ หลังจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี ปัจจุบัน เงินเฟ้อไทยอยู่ที่ระดับ 5.2 % และเงินเฟ้อต่างประเทศ อยู่ที่ระดับ 7.9 % 

ดังนั้น บริษัทร่วมกับ สต็อกเรดาร์  (StockRadars) เป็นแอพพลิเคชั่นตรวจจับหุ้น  แนะจัดพอร์ตการลงทุนหุ้นผสมคริปโทเคอเรนซี  หากนักลงทุนแบ่งเงินมาลงทุนคริปโทเคอเรนซี 10% สามารถสร้างผลตอบแทนคาดหวังเฉลี่ย 39% มากกว่าเมื่อเทียบกับการจัดพอร์ตลงทุนหุ้นปกติ สร้างผลตอบแทนคาดหวังเฉลี่ยเพียง 7.3%

ขณะเดียวกันการลงทุนคริปโทเคอเรนซี  ภายใต้ธีมการลงทุนของเรา เช่น   M- Blockchain ,  M-METAVERSE ,M-Large Cap สามารถสร้างผลตอบแทน ย้อนหลัง 1 เดือนเฉลี่ยที่ 26% สะท้อนว่า การลงทุนในคริปโทเคอเรนซี เป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ แม้ตลาดโลกผันผวนจากปัจจัยกดดันทั้งเฟดขึ้นดอกเบี้ยและภาวะสงครามรัสเซียกับยูเครนตึงเครียดขึ้น และเมื่อตลาดขาลงปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดแต่หากเป็นตลาดขาขึ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดได้   

"มองว่า ตอนนี้การลงทุนคริปโทเคอเรนซีมีความใกล้เคียงกับหุ้นมากขึ้น  สามารถลงทุนในคริปโทเคอเรนซี เพื่อกระจายความเสี่ยงและป้องกันเงินเฟ้อได้ แต่คริปโทเคอเรนซียังมีความเสี่ยงสูงมาก  และในวงการนี้มีผู้แพ้ผู้ชนะตลอดเวลา  ควรให้ผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการพอร์ตลงทุน และแบ่งเงินลงทุนเพียง 5-10%  ตามความเสี่ยงที่รับได้ ในช่วงเริ่มต้นก่อนที่จะไปเริ่มลงทุนคริปโทเคอเรนซีเองในอนาคต" 

นายกานต์นิธี กล่าวว่า  สำหรับปัจจัยกดดันตลาดคริปโทเคอเรนซีปีนี้ ยังต้องจับตาเฟด ที่จะมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยรอบถัดไปในเดือนพ.ค. ที่ยังคงสร้างความผันผวนต่อทุกสินทรัพย์ลงทุนได้ หลังจากรอบก่อนเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยตตามคาด 0.25% นักลงทุนไม่กังวล พบว่าเม็ดเงินหนุมเวียนในตาดคริปโทเคอเรนซีไม่ได้ลดลงเมื่อเทียบช่วงปีก่อน และความต้องการใช้คริปโทเคอเรนซี ในหลายประเทศมีมากขึ้น เป็นตัวจุดกระแสให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น 

ส่วนภาวะสงครามรัสเซียกับยูเครน ไม่น่ากังวล แต่กลายจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตลาดรู้แล้วว่า หากถือคริปโทเคอเรนซีป็นสินทรัพย์ที่สามารถเคลื่อนง่ายได้ง่ายกว่าทองคำในภาวะสงครามและหากภาวะสงครามกระจายไปในหลายประเทศคาดว่าจะยิ่งทำให้คริปโทเคอเรนซี่เป็นที่รู้จักและมีความต้องการเพิ่มขึ้นอีกมาก