COM7 เล็งศึกษากัญชง-กัญา เสริมทัพดันรายได้โต

COM7 เล็งศึกษากัญชง-กัญา เสริมทัพดันรายได้โต

"คอมเซเว่น" จ่อลุยธุรกิจใหม่ แย้มศึกษา "กัญชง-กัญชา" หวังสร้างแหล่งรายได้เสริม พร้อมหากสินค้าไอที ‘นิวเอสเคิฟ’ ขยายยอดขายโต ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20% สาขาเดิม-ดีมานด์สินค้าไอทีพุ่ง !!

ยอดขายแตะ 50,000 ล้านบาท !! คิดเป็น “ส่วนแบ่งทางการตลาด” (มาร์เก็ตแชร์) 25% หลังจากนี้ธุรกิจยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก... นี่คือคำถามที่ บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ของ  “สุระ คณิตทวีกุล” ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ 25.05% และก็ต้องตอบคำถามนี้ทุกๆ ปี ว่า ตลาดไอทีใหญ่มาก “มูลค่า 2 แสนล้าน” ดังนั้น ตราบใดที่คอมเซเว่นยังไม่มีมาร์เก็ตแชร์แตะ 40% ของมูลค่าตลาดรวม ธุรกิจก็ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก... 

สะท้อนผ่านตัวเลขผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (2562-2564) ที่ “กำไรสุทธิ” เติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 1,216.32 ล้านบาท 1,490.68 ล้านบาท และ 2,630.39 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 33,390.19 ล้านบาท 37,352.90 ล้านบาท และ 51,154.66 ล้านบาท ตามลำดับ 

“สุระ คณิตทวีกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า คาดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า (2565-2567) มีโอกาสที่มาร์เก็ตแชร์แตะ 40% ดังนั้น ก่อนที่บริษัทจะไปถึงจุดที่มีมาร์เก็ตแชร์เต็มจน จนไม่สามารถสร้างการเติบโตระดับ 30-40% เฉกเช่นที่ผ่านมาแล้ว และเพื่อไม่ให้เกิดการสะดุดของธุรกิจวันนี้จึงต้องมองหา “โอกาส” และ “ช่องทาง” สร้างการเติบโตใหม่เข้ามาเสริม 

สำหรับแผนธุรกิจในการเติบโต แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ “สร้างการเติบโตธุรกิจไอที” และ “สร้างการเติบโตธุรกิจใหม่” โดยเฉพาะในธุรกิจใหม่ปัจจุบันบริษัทอยู่ในช่วงศึกษาโอกาสลงทุน เนื่องจากการลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2-3 ปีกว่าจะสร้างผลตอบแทนต่อเนื่อง 

สะท้อนผ่านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2565 เพื่อพิจารณาและอนุมัติให้เพิ่มวัตถุประสงค์ของบริษัท 

COM7 เล็งศึกษากัญชง-กัญา เสริมทัพดันรายได้โต โดยเป้าหมายของบอร์ดเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทศึกษาลงทุน “ธุรกิจใหม่” (New Business) ร่วมกับพันธมิตรในอนาคต ประกอบด้วย ธุรกิจกัญชง-กัญชา ซึ่งผลิตนำเข้า-ส่งออกแปรรูป แปรสภาพ เพาะพันธ์ุจำหน่ายใบ ต้น ราก พืชสมุนไพร (กัญชา-กัญชง) รวมทั้งสารสกัดจากกัญชา กัญชง และพืชอื่นๆ ทุกชนิด โดยจะต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด 

รวมทั้ง ผลิต นำเข้า-ส่งออก จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เครื่องประทินโฉม ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามทุกชนิด เครื่องมือและอุปกรณ์เสริมความงามทุกชนิด เครื่องมือเครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ 

และผลิต นำเข้า-ส่งออก จำหน่าย ยา ยารักษาโรค อาหารเสริม เครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพวิตามิน เคมีภัณฑ์เวชกรรมทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เครื่องมือแพทย์อุปกรณ์เครื่องมือ และสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ทุกชนิด แผนโบราณและแผนปัจจุบัน และสินค้าอุปโภคทุกชนิด

เขา บอกต่อว่า การเติบโตธุรกิจไอทียังเห็นโอกาสและช่องทางการจัดจำหน่ายที่ยังเติบโตได้ เป็น 2 รูปแบบคือ 1.ช่องทางการจัดจำหน่าย ปีนี้ตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 150 สาขา เน้นการเปิดสาขาในรูปแบบ Stand Alone นอกศูนย์การค้ามากขึ้น เพื่อเป็นฐานในการเติบโตและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคเทคโนโลยี และเข้าสู่สังคมดิจิทัล การขยายสาขา Stand Alone เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจหากสาขาในห้างโดนปิดบริการ รวมทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถในการขยายตลาด

ณ ปัจจุบัน บริษัทเป็นร้านค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ ณ สิ้นปี 2564 มีสาขารวมทั้งหมด 1,000 สาขา แบ่งเป็น BaNANA จำนวน 372 สาขา Studio7 จำนวน 114 สาขา KingKong Phone จำนวน 83 สาขา True Shop by Com7 จำนวน 125 สาขา แฟรนไชส์ 128 สาขา BKK 37 สาขา iCare 30 สาขา และอื่นๆ 111 สาขา 

2.สินค้าและบริการ โดยปีนี้บริษัทวางแผนที่จะเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาโดยเฉพาะสินค้าที่จะเป็น New S-curve ซึ่งจะสร้างการเติบโตต่อเนื่อง และในปีนี้จะมีสินค้าที่เป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า หลังจากได้เข้าไปบริหารพื้นที่ศูนย์เครื่องใช้ไฟฟ้าครบวงจร “เพาเวอร์วัน” (POWER ONE) ในเครือบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM จำนวน 30 แห่งทั่วประเทศ เป็นพอร์ตสินค้าใหม่จับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในการอยู่อาศัย 

และในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาได้เปลี่ยนร้าน POWER ONE ในทุกสาขาเป็นร้าน BaNANA เรียบร้อยแล้ว เพื่อผสมผสานผลิตภัณฑ์ด้านไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้ง นำสินค้ากลุ่ม 5G IoT และ Smart home เข้าไปจัดจำหน่ายเพิ่มเติม และคาดจะเห็นสาขาของ BaNANA ที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้จำนวน 80 สาขา

รวมทั้งการรุกขยายช่องทางออนไลน์ ซึ่งในปีนี้จะมีการีแยกช่องทางออนไลน์ออกมาชัดเจน เนื่องจากปีก่อนมียอดขาย 2,000 ล้านบาท ดังนั้น ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายออนไลน์ 3,000 ล้านบาท หลังบริษัทมีสินค้าหลากหลายมากขึ้น การทำตลาดช่องทางออนไลน์ก็สามารถทำได้มากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจ “ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ” โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เมื่อปีที่แล้วบริษัทปล่อยสินเชื่อประมาณ 2,000 ล้านบาท และในปีนี้คาดจะขยายธุรกิจดังกล่าวเพิ่ม ซึ่งมองอนาคตเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีในช่าง 2-3 ปีข้างหน้า 

“กลุ่มนักศึกษาเป็นกลุ่มที่ยังไม่สามารถมีบัตรเครดิต ทำให้ยังไม่สามารถผ่อนสินค้าได้ต้องซื้อสินค้าด้วยเงินสดเท่านั้น ซึ่งเรามองเห็นโอกาสดังกล่าวประกอบกับสินค้าไอทีมีความจำเป็นในการเรียนการสอนในปัจจุบัน” 

สำหรับปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% ได้รับปัจจัยหนุนหลักจากยอดขายสาขาเดิมที่มีการเติบโต ซึ่ง 2 เดือนแรกเติบโตไปแล้วเป็นตัวเลข 2 หลัก จากความต้องการสินค้าไอทีและเทคโนโลยีมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีสินค้าครอบคลุมความต้องการของลูกค้า 

นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มตัวแทนจำหน่าย Sole Distributor สินค้ากลุ่ม AIOT ให้แบรนด์ Realme รวมทั้ง สินค้ากกลุ่ม Smartphone ทั่วประเทศ ยกเว้นกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผ่านดีลเลอร์ เป็น 5,000 ราย จาก ณ สิ้นปี 64 ที่ 3,500 ราย 

เนื่องจากเพิ่มโอกาสขยายตลาด Smartphone ในยุค 5G ที่ความต้องการผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น บริษัทเตรียมเปิดเว็บไซต์ studio7.com ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 เพื่อเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เน้นการคัดเลือกสินค้า และการจัดกิจกรรมทางการตลาดในโลกออนไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เชื่อมโยงส่วนของค้าปลีกและออนไลน์ในรูปแบบ Omni Channel ควบคู่การให้ความสำคัญในการทำ Data Analytics ผ่านฐานลูกค้าของ COM7 ในปัจจุบันซึ่งมีกว่า 2-3 ล้านคนต่อปี

ท้ายสุด “สุระ” บอกไว้ว่า ที่ผ่านมาเห็นตนเองลงทุนในบริษัทอื่นๆ เนื่องจากเห็นเป็นธุรกิจที่ดีแต่หาจุด Synergy กับคอมเซเว่นไม่ได้ แต่หากเป็นบริษัทที่สามารถ Synergy กับคอมเซเว่นได้ก็อยากให้คอมเซเว่นเป็นคนเข้าไปลงทุนร่วมด้วย