Sideways Up เก็งกำไร PTTEP KSL FORTH (21 มี.ค. 65)

Sideways Up เก็งกำไร PTTEP KSL FORTH (21 มี.ค. 65)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,692 จุด / 1,700 จุด แนวรับ 1,670 จุด / 1,663 จุด แนะนำ เก็งกำไร PTTEP KSL FORTH ทางเทคนิค บริเวณ 1,692 จุด เป็นแนวต้านสำคัญของ Donwtrend Channel กรอบ 1,635-1,692 จุด

โดยหากไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ดัชนีฯ ระยะสั้นมีแนวโน้มถอยลงมาที่ 1,670 / 1,663 / 1,656 จุด ตามลำดับ โมเมนตัมเชิงบวกวันนี้ มาจากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีจีนและสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่มีสัญญาณ ความเสี่ยง Geopolitical Risks เพิ่มเติม ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ ได้แก่ สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell และประธานเฟด แอตแลนต้า Bostic ในงานสัมมนาทางเศรษฐกิจที่วอชิงตัน และจีน รายงานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี ประเภท 1 ปี และ 5 ปี

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

       +KTZ Portfolio: Mid-Small Cap แนะนำ DOD M XO (แนะนำ ซื้อ MC) / Big Cap แนะนำ GULF AWC BEC TCAP CENTEL BH ADVANC AOT DTAC COM7 MINT KTB PLANB BLA

       +/-Earnings Revisions: +ECL TKN PTTEP BEC SINGER EA –KISS DEMCO NCAP SENA TPIPP

       +Commodity Play (หากสงครามยืดเยื้อ) PTTEP BANPU KSL CPI TWPC PTT INOX; TOP ESSO IRPC BCP (Stock Gain)

       +EV: งาน Motor Show เริ่มต้นวันที่ 22 มี.ค. - 3 เม.ย. คาดมีเม็ดเงินกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะการจองซื้อรถยนต์ EV ที่ได้ประโยชน์ด้านราคาจากรัฐ: +GPI TTB AH SAT NEX EA OR FORTH

 

ปัจจัยบวก

       - Geopolitical Risk USA / China: ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง หลังการเจรจา VDO Conference 2 ชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่มีประเด็นลบอย่างที่ตลาดกังวล และไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนต่อสงครามยูเครนและรัสเซีย โดยประธานาธิบดีไบเดน กล่าวเตือนจีนว่าจะมีผลกระทบตามมา หากจีนให้การสนับสนุนรัสเซียในการโจมตียูเครน ส่วนประธานาธิบดีสี กล่าวย้ำว่า จีนยังคงสนับสนุนการใช้วิธีทางการทูตในการแก้ไขปัญหา

       - ตลาดหุ้นไทย / Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 8 +13,057.93 ล้านบาท (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า +675.96 ล้านบาท) โดยซื้อสุทธิเป็นสัปดาห์ที่ 13 ในรอบ 14 สัปดาห์ สะสมสุทธิ +124,113 ล้านบาท

 

 

 

 

ปัจจัยลบ

       - ค่าก๊าซหุงต้มทยอยปรับขึ้นตั้งแต่เดือน เม.ย.: กระทรวงพลังงานปรับขึ้นราคาก๊าซ หุงต้ม (LPG) 1 บาท/กก./เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ส่งผลราคา LPG ถัง 15 กก. จะมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 333 บาท, 348 บาท และ 363 บาท ณ เดือน มิ.ย.

      - Fed Fund Rate: ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 12 ครั้ง เป็น 3% ในปีนี้

 

ประเด็นสำคัญ

     - XD Effect วันนี้มีผลต่อดัชนีฯ -0.19 จุด นำโดย KCE SPCG ADD SEAOIL

     - Opportunity Day วันนี้ ARROW KUMWEL TRT PORT TMILL SMT BEYOND

     - สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell และประธานเฟด แอตแลนต้า Bostic ในงานสัมมนาทางเศรษฐกิจที่วอชิงตัน จับตามุมมองเศรษฐกิจและนโยบาย QT

     - China รายงาน Loan Prime Rate อายุ 1 ปี และ 5 ปี

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยกลับมามิดลบ: ดัชนีฯ แกว่งในกรอบแคบ 1,677.16-1,685.68 จุด เพื่อรอฟังผลเจรจาระหว่างประธานาธิบดีจีนและสหรัฐฯ ก่อนปิดตลาดที่ 1,678.51 จุด -3.25 จุด วอลุ่มซื้อขำย 9.81 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -1.82% ธุรกิจการเกษตร -1.58% สื่อและสิ่งพิมพ์ -0.96% วัสดุก่อสร้าง -0.79% หุ้นบวก >4% A5 THG CENTEL VIBHA RAM ECF KSL GSC THANA PEACE PSG ARIN FORTH ILM หุ้นลบ >4% HMPRO WHART BKD ZIGA TVT JUTHA

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกต่อเนื่อง: DJIA +0.8% S&P500 +1.17% Nasdaq +2.05% รับข่าวการเจรจาทางโทรศัพท์เวลา 2 ชั่วโมง เมื่อวันศุกร์ระหว่างประธานาธิบดีไบเดนกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ไม่มีประเด็นลบอย่างที่ตลาดกังวล โดยประธานาธิบดีไบเดน กล่าวเตือนจีนว่าจะมีผลกระทบตามมา หากจีนให้การสนับสนุนรัสเซียในการโจมตียูเครน ส่วนประธานาธิบดีสี กล่าวย้ำว่า จีนสนับสนุนการใช้วิธีทางการทูตในการแก้ไขปัญหา นำขึ้นโดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +2.2% กลุ่มบริการด้านการสื่อสาร +1.4% ส่วน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +0.12% FTSE +0.26% DAX+0.17% นำขึ้นโดยกลุ่มเทคโนโลยี และนำลงโดยกลุ่มพลังงาน รับข่าวรัสเซียยังไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ หลังชำระดอกเบี้ยพันธบัตร Euro Dollar 2 ชุด จำนวน USD117mn ภายในกลางสัปดำห์ที่ผ่านมา

+/- น้ำมันดิบปิดบวก แต่ทองคำปิดลบ: WTI +USD1.72 ปิดที่ USD104.70/บาร์เรล Brent +USD1.29 ปิดที่ USD107.93/บาร์เรล รับข่าวรัสเซีย เผยว่าการเจรจาวันที่ 4 กับยูเครนยังไม่บรรลุข้อตกลงแต่อย่างใด แม้การเจรจามีความคืบหน้าในช่วงต้นสัปดาห์ และ IEA เตือนตลาดน้ำมันเดือน เม.ย. จะอยู่ในภาวะตึงตัว จากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่วนทองคำปิดลดลง -USD13.90 ปิดที่ USD1,929.30/ออนซ์ เป็นผลจากการกลับมาแข็งค่าของสกุลเงิน USD

 

ประเด็นสำคัญ

+/- BOJ Meeting: มีมติ 8 ต่อ 1 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% ตามคาด และคงนโยบายยิลด์พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ที่ 0% รวมถึงส่งสัญญาณดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับเดิมต่อไปในระยะยาว ทั้งนี้ BOJ เผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว แม้จะมีอุปสรรคจากการติดเชื้อ COVID-19 และปัญหาอุปทาน คอขวด อย่างไรก็ดี วิกฤติสงครามยูเครน อาจกลายเป็นความเสี่ยงครั้งใหม่

Comment: เราคาดว่าทิศทางค่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะสั้น จากนโยบายคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ขณะที่ธนาคารกลางโลกอื่น ๆ มีแนวโน้มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยการอ่อนค่าของเงินเยนเทียบสกุลหลัก จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มส่งออก และตลาดหุ้นญี่ปุ่นในระยะยาว

- Russia: สถาบันจัดอันดับเครดิต S&P ปรับลดเครดิตตราสารหนี้ สกุลต่างประเทศ ระยะยาวลงเป็น CC จากเดิม CCC- เมื่อวันที่ 17 มี.ค. หลังจากรัสเซียเปิดเผยถึงความยากลำบากในการชำระหุ้นกู้ Eurobond สกุล USD ปี 2023 และปี 2024 อันเป็นผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังรุกรานยูเครน โดยชาติตะวันตก ทำให้ทุนสำรองฯ ปรับลดลงและไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินระหว่างประเทศได้ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. Fitch Rating ได้ลดเครดิตลง 6 ขั้นเป็น C จากเดิม B และ Moody’s ลดเครดิตลงเป็น Ca แนวโน้มเชิงลบ

Comment: หากรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นหลังวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่สหรัฐฯ ผ่อนคลายการทำธุรกรรมกับรัสเซีย คาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบในวงกว้างต่อผู้ถือพันธบัตรและบริษัทฯ ที่ปล่อยกู้ให้กับบริษัทรัสเซียอื่น ๆ (ต้องมีการตั้งสำรองหนี้เสียทันที) ขณะที่ตราสารทุนคาดว่าได้รับผลกระทบล่วงหน้าไปแล้วในทางทฤษฎี แต่บางส่วนยังไม่สามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติ เพราะรัฐบาลสั่งปิดตลาดหุ้นรัสเซียชั่วคราว นับแต่เกิดสงคราม โดยน้ำหนักของตลาดหุ้นรัสเซียในดัชนี MSCI Emerging Market ประมาณ 3.3% และในดัชนี BRIC ประมาณ 6.3%

+ ศบค. ชุดใหญ่: มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของสอท. ให้ผ่อนปรมมาตรการเดินทางเข้ามาประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากเดิมต้องตรวจเชื้อ 2 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 ตรวจที่ประเทศต้นทางก่อนการเดินทางด้วยวิธี RT-PCR และครั้งที่ 2 ตรวจในประเทศไทย ด้วยวิธี RT-PCR เป็นหลักเกณฑ์ใหม่ให้เหลือเฉพาะการตรวจที่ประเทศไทยเมื่อเดินทางมาถึงแล้ว โดยตรวจครั้งที่ 1 ด้วยวิธี RT-PCR และตรวจครั้งที่ 2 ด้วยวิธี ATK ในวันที่ 5 ที่อยู่ในประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป นอกจากนี้ ศบค. มีการผ่อนคลายพื้นที่โซนใหม่ โดยพื้นที่ควบคุม สีส้ม เหลือ 21 จาก 44 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง สีเหลือง เป็น 47 จากเดิม 25 จังหวัด ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า เพิ่มเป็น 9 จากเดิม 8 จังหวัด มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. รวมถึงสามารถจัดงานสงกรานต์ได้ และขยายพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ต่ออีก 2 เดือน เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค. 2022

Comment: การผ่อนคลายมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ โดยสอท. คาดว่าจะมี 5.58-6 ล้านคน (Vs ธปท. 5.6 ล้านคน, Krungthai COMPASS คาด 5.8 ล้านคน) สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวฟื้นตัว ได้แก่ AOT AAV BA CENTER ERW MINT ASW ASAP RP CPALL TKN

+ กลุ่มโฆษณา: เม็ดเงินโฆษณาเดือน ก.พ. 2022 อยู่ที่ 7,281 ล้านบาท ฟื้นตัว +4% MoM ตามฤดูกำลที่ช่วงต้นปี ผู้ประกอบการสินค้าและบริการอยู่ระหว่างวางแผนการใช้งบโฆษณาและทรงตัว YoY (Vs เดือน ม.ค. 2022 หดตัว -4% YoY) ส่งผล 2M22 เม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ 14,257 ล้านบาท -2% YoY ซึ่งถือว่ายัง ต่ำกว่ามาก เมื่อเทียบกับประมาณการของมีเดียเอเจนซีที่คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาปี 2022F เติบโต +15% YoY

+ Earnings Revision: สัปดาห์ที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 17 มี.ค. 2022) ประมาณการกำไรสุทธิ (EPS) ของดัชนี SET ปี 2022 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 94.47 บาท/หุ้น จาก 93.80 ในสัปดาห์ก่อน Forward PER ปี 2022 ณ ดัชนีฯ 1,681.76 จุด อยู่ที่ 17.80 เท่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร 22 สูงสุด ได้แก่ การท่องเที่ยวและสันทนาการ +6.18%, กลุ่มกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +3.01%, กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +2.36% โดยบจ. ที่มีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น ได้แก่ CENTEL +78.8%, BANPU +16.7%, BCH +13.8%, PTTEP +13.5%, TEAMG +8.7% ในทางตรงกันข้ามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2022 สูงสุด (% เทียบรายสัปดาห์) ได้แก่ กลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ -10.33%, กลุ่มธุรกิจการเกษตร -5.17% และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ -1.83% โดย บจ. ที่มีการปรับประมาณการกำไรลดลงสูงสุด ได้แก่ KISS -52.1%, SEAFCO -35.2%, SHR -25.0%, SENA -22.9%, NCAP -22.6%

Comment: เราแนะนำเลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว เฉพาะบจ. ที่มีการปรับ Target Price สูงสุด ได้แก่ ECL +17.5%, TKN +12.0%, PTTEP +4.1%, BEC +3.9%, SINGER +3.9% ส่วนหุ้นแนะนำขาย KISS -18.6%, DEMCO -18.0% ดูรายงานวันศุกร์ Tactical Play

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดำห์: PTTEP PSL NEX

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: PTTEP KSL FORTH

Derivatives: เปิด Long S50H22 เมื่อย่อตัว (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)