อสังหาฯดึงสตาร์ทอัพสร้างนิวเอสเคิร์ฟเสริมแกร่ง

อสังหาฯดึงสตาร์ทอัพสร้างนิวเอสเคิร์ฟเสริมแกร่ง

อสังหาฯถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไปรวมถึงการซินเนอร์ยี่ธุรกิจอสังหาฯกับนวัตกรรรมและเทคโนโลยีเพื่อสร้างนิวเอสเคิร์ฟ

"อุเทน โลหชิตพิทักษ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับพฤกษาคือการลงทุนกับสตาร์ทอัพหรือบริษัทๆ อื่นเพื่อนำนวัตกรรมมาใช้ ล่าสุดบริษัทลงทุน 3,500 ล้านบาท จัดตั้ง Corporate Venture Fund เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพ 3 ด้านที่เกี่ยวกับพร็อพเทค (PropTech) เฮลธ์เทค (HealthTech) และ สิ่งแวดล้อม เพื่อนำนวัตกรรมจากสตาร์ทมาต่อยอดให้กับพฤกษาและโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดเลือก 100 ราย

“การลงทุนด้านนวัตกรรมไม่ได้มองเฉพาะในประเทศ แต่รวมถึงต่างประเทศเพื่อสานต่อกลยุทธ์ synergy ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจสุขภาพในทุกๆ ด้านเพื่อเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างระหว่างพฤกษากับอสังหาริมทรัพย์รายอื่น รวมทั้งการสร้างรายได้ให้บริษัท”

"อุทัย อุทัยแสงสุข" ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในยุคดิจิทัล รวมถึงพัมนายกระดับองค์กรแสนสิริก้าวสู่ Performance Organization ซึ่งมี “สิริ เวนเจอร์ส” เป็นหน่วยงานในการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมผ่านพาร์ทเนอร์และสตาร์ทอัพ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ

แสนสิริ ลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 ด้าน ได้แก่ 1.เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง ในสัดส่วน 20% ของงบลงทุน มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมคุณภาพการก่อสร้าง 2.เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน สัดส่วน 30% มุ่งเน้นด้านการใช้ทรัพยากรอย่างฉลาดและการกำจัดของเสียที่มีประสิทธิภาพ

3.เทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วน 20% มุ่งเน้นด้านรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ และ Tokenization 4.เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยและสุขภาพ สัดส่วน 30% มุ่งเน้นด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียง ล่าสุดได้ติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จรถไฟฟ้าของชาร์จ แมเนจเม้นท์ในโครงการ ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่แสนสิริร่วมลงทุนด้วย เป็นต้น

ขณะที่  "ชานนท์ เรืองกฤตยา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  เน้นการพัฒนาให้ยั่งยืน ด้วย S-Curve ใหม่ โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสริมธุรกิจ และตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า, พันธมิตร และสังคมไทย "ไม่ใช่"แค่การสนับสนุนสตาร์ทอัพเท่านั้น

แต่มองเป็นภาพใหญ่กว่านั้น ด้วยการเข้าไปร่วม จัดตั้ง "Innovation Club" กับจุฬาฯ และเคมบริดจ์ โดยเชิญภาคส่วนต่างๆ องค์กรธุรกิจ ภาครัฐ ภาคการศึกษามาระดมสมองเพื่อขับเคลื่อนของนวัตกรรมได้มากขึ้น รวดเร็วขึ้น  ซึ่งมีหลายบริษัทและหน่วยงานเข้ามา อาทิ เมืองไทยประกันชีวิต SCB เพื่อช่วยผลักดันให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนมากขึ้น