"แอสชัวร์ เทคโนโลยี" เล็งผุด“แอปพลิเคชันจำนำคริปโทเคอร์เรนซี” ต.ค.นี้

"แอสชัวร์ เทคโนโลยี" เล็งผุด“แอปพลิเคชันจำนำคริปโทเคอร์เรนซี” ต.ค.นี้

"แอสชัวร์ เทคโนโลยี" จ่อเปิดตัว PEER.Money “แอปพลิเคชันจำนำคริปโทเคอร์เรนซี” ด้วยสินเชื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินแก่ผู้ต้องการเงินด่วน เชื่อกระแสตอบรับดี คาดเปิดตัว ต.ค. 65 พร้อมแจงJFin Coin เตรียมจัดตั้งกองทุน Coin Asset เยียวยาเจ้าหนี้

นายศิวนัส ยามดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสชัวร์ เทคโนโลยี จำกัด ( Assure Technology ) บริษัทผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์เกี่ยวกับบล็อกเชน (Blockchain), คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และฟินเทค (FinTech) หนึ่งในอดีตผู้ก่อตั้งกระดานเทรดสินทรัพย์ “Coin Asset” เปิดเผยว่า ตนได้มีโอกาสกลับเข้าสู่วงการบล็อกเชนอีกครั้ง โดยปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสชัวร์ เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัท บอสเวลล์ ดิจิทัล โฮลดิ้ง จำกัด (Boswell Digital Holding )

ขณะที่การกลับมาในครั้งนี้ ถือเป็นความท้าทายใหม่ที่ตนได้เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีสำหรับธุรกิจใหม่ จากการพัฒนาต่อยอดจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโลกสกุลเงินดิจิทัล 

สำหรับแนวโน้มตลาดการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล มีการเติบโตขึ้นมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา  แต่ทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ที่สนใจถือสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศมีอยู่ค่อนข้างจำกัด บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงโอกาสของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม ขณะที่การปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจทางการเงินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) เป็นการขยายขีดความสามารถเดิมที่เคยมีอยู่ให้กว้างขึ้น

เนื่องจากในภาพรวมต้องยอมรับว่าความสามารถในการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อของคนไทยยังทำได้ไม่มากนัก และด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ จึงทำให้ความต้องการสินเชื่อในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้า น่าจะยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากกลุ่มอุตสาหกรรม Non-bank ในปัจจุบันที่มีมูลค่าสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ จึงมองเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้ามาทำธุรกิจในอุตสาหกรรมดังกล่าว

ล่าสุดบริษัทฯ เตรียมพัฒนาแอปพลิเคชัน ภายใต้ชื่อว่า “PEER.Money” (เพียร์ดอทมันนี่) “แพลตฟอร์มรับจำนำคริปโทเคอร์เรนซี” ด้วยสินเชื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ผ่านแอปพลิเคชัน PEER.Money โดยลูกค้าสามารถนำคริปโทเคอร์เรนซี มาวางค้ำประกันเพื่อแลกเป็นเงินเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ที่ต้องการเงินด่วนบนโลกแห่งความเป็นจริง

โดยทำธุรกรรมบน “PICO Chain” ซึ่งนับเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และในอนาคตวางแผนให้ PEER. Money สามารถขอสินเชื่อได้ ทั้งสินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต เพื่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำรองให้กับบุคคลทั่วไปโดยไม่ผ่านระบบธนาคารแบบเดิม ๆ ทั้งนี้ จึงมั่นใจว่าแอปพลิเคชัน “PEER.Money” จะได้รับกระแสตอบรับที่ดี คาดว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเสร็จพร้อมเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม 2565 นี้

“การที่ผมกลับมาครั้งนี้จะกลับไปโตในสังเวียนเดิม คงเป็นไปได้ยาก เพราะทุกวันนี้ ตลาดคริปโทฯ เดิม ขยายตัวไปมาก จึงมาวิเคราะห์ถึงช่องทางและโอกาสการเติบโต และด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีถือว่าก้าวไกลและมีความพร้อม เงินทั่วโลกในระบบสินเชื่อมีมูลค่ามหาศาล จึงเป็นจุดเริ่มต้นสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ในลักษณะNon-bank โดยเป้าหมายการกลับมาของผมจริง ๆ ในรอบนี้คือ ต้องการสร้างธุรกิจที่เชื่อมโยงโลกคริปโทฯ เข้ากับโลกจริง ๆ ในปัจจุบัน นั่นคือเรื่องสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล โดยมีการพัฒนาระบบเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อมาเป็นหลักค้ำประกัน (Asset-Backed) สำหรับสินเชื่อดังกล่าว จะสำเร็จได้ ก็ต้องมีผู้ใช้งานและพันธมิตรจำนวนมาก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ  อยู่ 2-3 ราย” 

ขณะที่ความคืบหน้าคดีความเรื่อง JFin Coin ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว ภายหลังจากที่ตนเป็นคนออกมาช่วยผู้เสียหายที่ยังไม่ได้โทเคนคืนและจะดำเนินทุกวิธีการทางด้านกฎหมาย รวมไปถึงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจของตนเอง ปัจจุบันได้มีการติดต่อเจรจากับนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายและดำเนินการทำข้อตกลงร่วมกันและขอพักชำระหนี้เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการชดเชยโทเคนที่คงค้างไว้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดรับสมัครบุคลากรจำนวนมากเพื่อมาร่วมงานกับบริษัทฯ หลายตำแหน่ง โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนมาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานและเติบโตไปด้วยกัน ทั้งนี้สามารถติดต่อสอบถามและสมัครได้ที่ 

อนึ่ง บริษัท บอสเวลล์ ดิจิทัล โฮลดิ้ง จำกัด มีเป้าหมายคือการสร้าง Start Up รายต่อไปให้เกิดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นไปที่ 2 รูปแบบการเติบโต นั่นคือการปลุกปั้นเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมา เพื่อให้เกิดคลื่นลูกใหม่ ในวงการ และมุ่งหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัท Start Up ในการเข้าไปร่วมพัฒนาและร่วมทุนเพื่อให้เกิดระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง จนปัจจุบันได้ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจไปสู่การส่งเสริมและพร้อมสนับสนุนด้านธุรกิจและเงินทุนแก่บริษัท แอสชัวร์ เทคโนโลยี จำกัด อย่างเป็นทางการ