คลายกังวลเงินเฟ้อ (วันที่ 16 มีนาคม 2565)

คลายกังวลเงินเฟ้อ (วันที่ 16 มีนาคม 2565)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลง ถึง -15 จุด แรงขายมีมากในช่วงบ่าย หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลงนำโดยกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และขนส่ง ปัจจัยกดดันมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรง ถูกกดดันจากการที่จีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง

อาจส่งผลให้เงินของนักลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้น นักลงทุนติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 15-16 นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,644.36 จุด -15.79 จุด -0.95% มูลค่าการซื้อขาย 82,507 ลบ. ต่างชาติ -954.98 ลบ. TFEX -4,281 สัญญา ตราสารหนี้ -8,460.87 ลบ.

 

ปัจจัยบวก  

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 599.10 จุด +1.82% เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล และดัชนี PPI ของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุม เฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
+ จีนรายงานยอดค้าปลีกในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ปรับตัวขึ้น 6.7%YoY แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3%
+ ผู้นำนาโตจะประชุมกันที่กรุงบรัสเซลส์ในวันที่ 24 มี.ค.เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
+ รัฐบาลสหราชอาณาจักร (UK) เตรียมยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เหลือทั้งหมดสำหรับผู้เดินทางในวันศุกร์นี้ (18 มี.ค.)
+ "ตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์" พร้อมเปิดให้บริการ 31 มี.ค. หนุน SME-Startup มีแหล่งระดมทุน3 บริษัท ธุรกิจ "เฮลธ์แคร์เทคฯ-อาหาร-ไอที" เตรียมเข้าเทรด 3Q65
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 23,945 ราย ATK 24,059 ราย มีผู้เสียชีวิต 70 ราย รักษาหาย 23,339ราย

 

ปัจจัยลบ

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 6.57 ดอลลาร์ -6.4% ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดถูกกดดันจากการที่จีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน และนักลงทุนคาดหวังความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงด้วย
 

- IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูเครนจะหดตัว 10% ในปี 2565 จากการที่รัสเซียบุกยูเครน แต่อาจจะย่ำแย่กว่าที่คาด ถ้าหากความขัดแย้งดังกล่าวยืดเยื้อออกไปอีก
- นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคาดการณ์ GDP จีนในไตรมาสแรกปีนี้ลงเหลือ 0% จากเดิมที่ 0.6% และคาดว่าจีนจะพลาดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ เป็นผลกระทบอย่างหนักจากการใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- ศูนย์วิจัยกรุงศรีคาดเศรษฐกิจไทยช้าหนัก รับศึกรัสเซีย-ยูเครน วางสมมติฐาน 3 ด้าน ร้ายแรงสุดกรณียืดเยื้อถึงกลางปี GDP ไทยวูบหนัก 2.4% ด้านเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดรอบ 5 เดือน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังราคาน้ำมันร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ยังจับตาผลการประชุมเฟดวันนี้อย่างใกล้ชิด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,660 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC
• กรณีสงครามยืดเยื้อ ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง บวกต่อ PTTEP PTTGC TOP , สินค้าเกษตร ข้าวสาลี และกากถั่วเหลืองขึ้น เป็นบวกต่อ TMILL TVO และเป็นลบต่อธุรกิจอาหารสัตว์ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น CPF GFPT ASIAN
 

 

• FTSE Global Equity Index Series (ใช้ราคาปิด 18 มี.ค.65) : Large Cap : - , Mid Cap : - , Small Capหุ้นเข้า : TIPH JTS SINGER หุ้นออก: UV WHART , Micro Cap หุ้นเข้า : 2S, ACC, AQ, APCO, B, BIG, CEN, CTW, CMR, CV, CGH, ECL, EE, FORTH, GJS, IT, MILL, MTI, METCO, NTV, PAP, PTL, SUC, CFRESH, SF, SKY, BFIT, SCM, TOG, TVI, TRC, UBE, UVAN, UV, VNG, WICE หุ้นออก : BYD, TIPH, MK, NEX, OISHI, QHHR, SABUY, SINGER, SYNEX, XPG

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                                PT – แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 6.10 บาท

คลายกังวลเงินเฟ้อ (วันที่ 16 มีนาคม 2565)

•คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 22 กลับมาสู่ระดับปกติอีกครั้ง หลังผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ 4Q21 โดยมีแรงหนุนจากความต้องการท่า Digital Transformation และ Cyber Security โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มธนาคาร ประกอบกับคาดว่าลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรม และสถานศึกษาจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ในปีที่ผ่านมา เราประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 22 ที่ระดับ 2,351.0 ล้านบาท และ 133.6 ล้านบาท เติบโต +11.7%YoY และ +46.5%YoY ตามลำดับ

•เราประเมินมูลค่าอิงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปี ที่ 13.0 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 22 เท่ากับ 6.10 บาท ยังมี Upside จากราคาปัจจุบันราว 6.1% และคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 7-8% ต่อปี

 

หุ้นมีข่าว

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 45.00 บาท) เซ็น ปตท.เตรียมพร้อมเป็นเอกชนรายแรกเริ่มนำเข้าก๊าซ LNG ม.ค. 2566 คาดลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า 5-10% เล็งขาย LNG ให้โรงไฟฟ้าอื่น คาดชัดเจนภายใน 2-3 ปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15-20% เตรียมจ่ายไฟ SPP Replacement 5 แห่ง ครึ่งปีหลัง พร้อมปิดดีลซื้อกิจการโรงไฟฟ้าตปท. 2-3 โครงการ งบรวม 7 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BYD (Bloomberg Consensus - บาท) ตั้งเป้าปี 2565 รายได้ทะลุ 200 ล้านบาท หลังรุกขยายงาน-ฐานลูกค้าเต็มพิกัด แย้มปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ประมาณ 10 ดีล แบ่งเป็น M&A ประมาณ 6 ดีล ส่วนที่เหลืออีก 4 ดีลเป็น IPO แถมจ่อบุ๊กส่วนแบ่งกำไร "สมายล์บัส" ในไตรมาส 1/2565 พร้อมเดินหน้าเพิ่มรถบัสไฟฟ้าใหม่ปีนี้อีก 200 คัน เสริมศักยภาพบริการให้ดียิ่งขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ILM (Bloomberg Consensus 21.50 บาท) รับทรัพย์อสังหาฟื้นตัว หนุนดีมานด์เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้านเพิ่มสูงขึ้น ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 10% แตะ 8,200 ล้านบาท เดินหน้าขยายสาขาทั้งในประเทศ 1 สาขา และต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์อีก 5 สาขา ล่าสุดปั้นแบรนด์ "DREAMIA" หมอนไฮบริด 7 นวัตกรรมจากอเมริกา รองรับความต้องการตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ คาดช่วยดันยอดขายกลุ่มสินค้าเครื่องนอนเติบโต 20% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CHG (Bloomberg Consensus 4.15 บาท) ส่งซิกผลงานเด่นปีนี้ โตเลขสองหลัก ประเมินผู้ป่วยปกติฟื้น รับอานิสงส์ต่างชาติไหลกลับเข้าท่องเที่ยวไทย ส่วนผลงานไตรมาส 1/2565 พุ่ง มีรายได้วัคซีน-ตรวจหาไวรัสโควิด บุ๊กรายได้บริหารศูนย์หัวใจ 3 โรงพยาบาล พร้อมขยายเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)