EE ทุ่มงบ 650 ล้าน ลงทุน "ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์" ต่อยอดธุรกิจกัญชง

EE ทุ่มงบ 650 ล้าน ลงทุน "ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์" ต่อยอดธุรกิจกัญชง

บอร์ด EE ไฟเขียวซื้อหุ้น "ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์" ผู้ประกอบธุรกิจกัญชง มูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 650 ล้าน พร้อมประกาศเพิ่มทุนอีก 3.58 พันล้าน เสนอขาย RO-ปรับสิทธิ EE-W1

นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2565 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท และ/หรือ บริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ จำกัด (CBDB) ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย ประกอบธุรกิจค้าและผลิตกัญชง จำนวน 400,000 หุ้น หรือในสัดส่วนร้อยละ 100.00 ของหุ้นทั้งหมดใน CBDB จากบริษัท ไบโอ เมดิคอล กรุ๊ป จำกัด (ผู้ขาย)

และรับโอนสิทธิในการรับเงินตามสัญญากู้ยืมเงินระหว่างผู้ขาย (ในฐานะผู้ให้กู้) และ CBDB (ในฐานะผู้กู้) ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง เงินต้น เงินกู้ และดอกเบี้ยที่ผู้กู้ค้างจ่ายทั้งหมด โดยรับโอนสิทธิจากผู้ขาย โดยบริษัทตกลงจะชำระคำตอบแทนให้แก่ผู้ขายในวันที่ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ รวมเป็นจำนวนไม่เกิน 650 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท อีกจำนวน 3,580,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนจำนวน 4,170,000,000 บาท เป็นจำนวน 7,750,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,580,000,000 หุ้น

เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยมีมูลคำที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 (EE-W1)

สำหรับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 3,580,000,000 หุ้น แบ่งเป็น การจัดสรรหุ้นจำนวน 2,780,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยจะเสนอขายในอัตราส่วนการจองซื้อที่จำนวน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 1,390,000,000 บาท โดยคณะกรรมการจะกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในภายหลัง

อนึ่ง ราคาเสนอขายที่หุ้นละ 0.50 บาท เป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทซึ่งบริษัทจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ตามที่กำหนดในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม)

โดยบริษัทสามารถเสนอขายหุ้นสามัญที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทได้ เนื่องจากบริษัทมีผลขาดทุนสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของบริษัทแล้ว

สำหรับการจัดสรรหุ้นจำนวน 800,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ EE-W1 ด้วยเหตุบริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น

บริษัทจึงมีหน้าที่ต้องปรับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ EE-W1 เมื่อบริษัทเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือ ประชาชนทั่วไป และ/หรือบุคคลในวงจำกัด ในราคาที่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัท

อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่สามารถคำนวณอัตราการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิได้ในขณะนี้ เนื่องจากในการคำนวณราคา และอัตราการใช้สิทธิใหม่นั้นจะต้องคำนวณโดยใช้ราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทที่ได้กำหนดไว้เท่ากับราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 14 วันทำการติดต่อกัน ก่อนวันแรกที่ผู้ซื้อหุ้นสามัญจะไม่ได้รับสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ (วันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย XR) ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่สามารถคำนวณได้

ในการนี้ จึงได้ประมาณการหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ ทั้งนี้ บริษัทจะสามารถคำนวณราคาการใช้สิทธิที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ในวันที่ 29 มี.ค.2565 ซึ่งเป็นวันก่อนวันแรกที่ผู้ถือหุ้นสามัญจะไม่ได้รับสิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ของบริษัท (วันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย XR)

สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) จะจัดขึ้นในวันที่ 29 เม.ย.2565 เวลา 14.00 น.