บัตรสวัสดิการอุ้ม “เบนซิน-ก๊าซ” เพิ่มเงินส่วนลดซื้อแอลพีจีเป็น 100 บาท

บัตรสวัสดิการอุ้ม “เบนซิน-ก๊าซ” เพิ่มเงินส่วนลดซื้อแอลพีจีเป็น 100 บาท

“พลังงาน” เร่งแผนลดผลกระทบผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ อุดหนุนค่าเบนซินกลุ่มจักรยานยนต์ เพิ่มส่วนลดซื้อแอลพีจีเป็น 100 บาท เริ่ม เม.ย.นี้ ชี้อุ้มก๊าซมาแล้ว 2 ปีเต็ม ห่วงสถานการณ์ยืดเยื้อ กองทุนน้ำมันติดลบถึง 3 หมื่นล้าน

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การดูแลบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีส่วนเพิ่มเติมจากที่เคยช่วยเหลือ คือ กลุ่มผู้ใช้เบนซิน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กำลังวางแนวทางช่วยเหลือผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะกำหนดแนวทางแนวทางที่เหมาะสม 

ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านพลังงานในวันนี้ (11 มี.ค.) โดยมาตรการส่วนหนึ่งจะดำเนินการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ปัจจุบันครอบคลุม 13.65 ล้านคน

"ก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานช่วยกลุ่มผู้ใช้ดีเซลก่อน เพราะจำนวนการใช้น้ำมันเฉลี่ยวันละ 100 ล้านลิตร แบ่งเป็นดีเซลเกือบ 70% ที่ส่วนมากอยู่ในภาคการขนส่งและภาคเกษตร หลังจากนี้จะมีดูว่าจะช่วยผู้ใช้เบนซินอย่างไร โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ต้องอย่าลืมว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีข้อจำกัด ถ้าจะเข้าไปทุ่มทั้งหมดแล้วสถานการณ์ยืดเยื้อ จึงต้องมีจุดที่จะต้องบริหารจัดการให้สมดุล”

เพิ่มเงินส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม

นอกจากนี้ จะช่วยเหลือผู้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือน ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยปัจจุบันผู้ถือบัตรจะได้รับเงินอุดหนุนค่าซื้อก๊าซที่ 45 บาท ต่อครัวเรือน ต่อ 3 เดือน และจะพิจารณาเพิ่มอีก 55 บาท เป็น 100 บาท ซึ่งกำลังเร่งทำแผนงบประมาณผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และจะพยายามดำเนินการให้ทันเดือน เม.ย.2565

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนก๊าซหุงต้มรอบปัจจุบันมาตั้งแต่เดือน มี.ค.2563 รวม 2 ปี เต็ม โดยปัจจุบันถังขนาด 15 ก.ก.อยู่ที่ 318 บาท ในขณะที่ราคาจริงอยู่ที่ 440 บาท ทำให้ราคาที่ตรึงไว้ถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากจึงมีการป้องกันการลักลอบส่งออก

 

รวมทั้งปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ใช้เงินอุดหนุนก๊าซไปจำนวนมากทำให้ไม่สามารถตรึงราคาระดับปัจจุบันได้ รวมทั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องอุดหนุนน้ำมันดีเซล จึงทำให้ต้องขยับเพดานราคาก๊าซ ซึ่งจะมีการสรุปอีกครั้งว่าจะปรับขึ้น 15 บาท มาอยู่ที่ 333 บาท หรือไม่ โดยราคาใหม่จะเริ่มใช้วันที่ 1 เม.ย.2565

“ยืนยันว่าวันที่ 1 เม.ย.นี้ ผู้ใช้ก๊าซหุงต้มทั่วไปจะไม่รู้สึกว่าราคาขยับขึ้นสูงมากจนเกินไปแน่นอน โดยจะยังใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนอยู่ แต่การขยับราคาจะเป็นการลดภาระของกองทุนฯ ลงไปบ้างเท่านั้นเอง”

เตรียมแผนรับมือ 4 ระดับ

สำหรับแผนการรับมือสถานการณ์วิกฤติพลังงานที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน กระทรวงพลังงานได้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2565 มีการบริหารแผนไว้ 4 ระดับราคาน้ำมันดิบ คือ

1.น้ำมันดิบสูงเกินบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์ 2.น้ำมันดิบบาร์เรลละ 100-120 ดอลลาร์ 3.น้ำมันดิบบาร์เรลละ 120-150 ดอลลาร์ 4.น้ำมันดิบสูงเกิน 150 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบขณะนี้เคลื่อนไหวที่บาร์เรลละ 116-120 ดอลลาร์ และบางช่วงขยับไปถึงบาร์เรลละ 130 ดอลลาร์ และปรับลงมาจึงถือว่ายังมีความผันผวน โดยระดับปัจจุบันอยู่ที่บาร์เรลละ 120-122 ดอลลาร์ ดังนั้น ยังใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล 

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้เสนอ กพช.ถึงสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ติดลบ โดยแผนรับมือวิกฤตการณ์ด้านพลังงานระบุกรณีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบเกิน 20,000 ล้านบาท จะต้องขยายเพดานเงินกองทุน

สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 มี.ค.2565 ติดลบ 23,986 ล้านบาท เพราะนำมาช่วยตรึงราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน และพยุงน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท ดังนั้น จึงต้องขยายกรอบเพดานกู้เงิน โดยวงเงินกู้ยังเป็นไปตามแผนรองรับวิกฤตการณ์น้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2563-2567 (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) 

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้ตาม พ.ร.ฎ.การเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ พ.ศ.2564 เพื่อให้กองทุนน้ำมันและเชื้อเพลิงมีเงินเพียงพอในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน

กองทุนเสี่ยงติดลบ3หมื่นล้าน

“ตอนนี้ติดลบกว่า 23,000 ล้านบาท และอาจจะติดลบเกิน 30,000 ล้านบาท ในระยะถัดไป แต่ตอนนี้กองทุนฯ ยังมีสภาพคล่องบวกกับเงินกู้ก้อนแรกที่จะเข้ามา 20,000 ล้านบาท บวกก้อนที่ 2 อีก 10,000 ล้านบาท จะบริหารจัดการช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันยังไม่เกิน 130 หรือ 150 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่กระทรวงพลังงานยังดูแลได้ แต่หากเกินระดับ 131-150 ดอลลาร์ ขึ้นไป ต้องเปลี่ยนแผน และหากทะลุ 151 ดอลลาร์ ต้องมาปรับแผนใหม่อีกครั้ง”

นายกุลิศ กล่าวว่า สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันจะตรึงราคาดีเซลได้ถึงเดือน พ.ค.2565 โดยจะไม่กู้เพิ่มเกิน 30,000 ล้านบาท เพราะจะมีปัญหาเรื่องความสามารถการชำระคืนและจะไม่มีสถาบันการเงินปล่อยกู้ ซึ่งธนาคารจะให้กู้ตามกรอบที่กฎหมายระบุและดูความสามารถการชำระเงินคืน

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานมีความมั่นใจในการชำระหนี้ดังกล่าว โดยจะนำสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบันที่มี และสภาพคล่องที่ได้จากวงเงินที่ยังไม่ชำระหนี้ รวมกับวงเงินกู้ที่กำลังจะได้รับอย่างช้าเดือน เม.ย.2565 จึงยืนยันว่ากระทรวงพลังงานจะสู้กับการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท