PTT เตรียมสร้างระบบนิเวศ EV (9 มี.ค. 65)

PTT เตรียมสร้างระบบนิเวศ EV (9 มี.ค. 65)

PTT และ Foxconn น่าจะได้ข้อสรุปเรื่องโรงงานผลิต EV ใน 2H22 โดย PTT ปรับโครงสร้างการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ภายใต้ GPSC และมองหาพันธมิตรระดับโลกสำหรับธุรกิจแบตเตอรี่ เป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในอีก 3-5 ปี

และจะเป็น S-curve ตัวใหม่ของ PTT ที่จะทำให้บริษัทมุ่งสู่การลดใช้ carbon แนะนำซื้อ PTT ราคาเป้าหมาย 47 บ.

 

ราคาน้ำมันที่สูงจะเป็นตัวเร่งให้คนเปลี่ยนไปใช้ EV เร็วขึ้น

ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะเป็นตัวเร่งระบบนิเวศของ EV โดย EV ทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลงถึง 2 ล้าน bpd ในปี 2023 และมีบทบาทสำคัญจนถึงปี 2030 ที่จะบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลที่จะเพิ่มยอดขาย EV ในไทยเป็น 30% ภายในปี 2030 (30/30) โดย PTT จะเป็นผู้เล่นหลักในระบบนิเวศของ EV ในไทย ทั้งแบตเตอรี่, ตัวรถ, โครงสร้างพื้นฐาน, และบริการ ซึ่งมีการประเมินว่ามูลค่าของระบบนิเวศ EV จะอยู่ที่ 8.50 แสนล้านบาทภายในปี 2030 โดย 56% จะกระจุกอยู่ในส่วนของการผลิต EV ซึ่ง PTT ได้จับมือกับ Foxconn (มีความชำนาญในด้าน chips) ตั้ง JV ขึ้นมาเพื่อผลิต EV ซึ่งทั้งสองบริษัทน่าจะได้ข้อสรุปแผนตั้งโรงงานผลิต EV ภายใน 2H22 โดย PTT คาดว่าจะลงทุน US$600 ล้าน ถึง US$1.2 พันล้าน ใน JV ที่ถือหุ้น 60% ร่วมกับ Foxconn

ปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเป็นหัวหอกในการลงทุน

PTT ได้ตั้ง ARUN PLUS Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้น 100% เพื่อพัฒนา value chain ของ EV โดยมี Chips และแบตเตอรี่เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของ EV PTT ได้ปรับโครงสร้างการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ภายใต้ GPSC โดยโอนโรงงานนำร่องผลิตแบตเตอรี่ EV ของ GPSC (ถือหุ้น 100% กำลังการผลิต 30MWh มูลค่าเงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท) และการลงทุนใน AXXIVA ประเทศจีน (ถือหุ้น 11.1% กำลังการผลิต 1GWh) ไปยัง Nuovo Plus ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่ โดยมี PTT  (Arun Plus) ถือหุ้น 51% และ GPSC ถือหุ้นที่เหลืออีก 49% PTT กำลังมองหาพันธมิตรระดับโลกที่จะมาร่วมพัฒนาธุรกิจแบตเตอรี่ อาจต้องใช้งบลงทุนก้อนใหญ่ โดยโรงงานผลิต EV และแบตเตอรี่เป็นโครงการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของ PTT ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดย PTT คาดว่า IRR จะอยู่ที่ 9.5-10.0% และมีระยะเวลาคืนทุน 8 ปี

 

แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย SoTP ที่ 47 บาท PTT กำลังมุ่งสู่การลดใช้ carbon

เรามองบวกกับแนวโน้มตลาด EV และเชื่อว่าจะเป็น S-curve ตัวใหม่ของ PTT ในการมุ่งสู่การลดใช้ carbon เราประเมินาราคาเป้าหมายโดยอิงจาก P/E ปี FY22F ที่ 11.4x เท่ากับ P/E เฉลี่ย 7 ปีย้อนหลัง (FY12-FY19) ก่อนจะเกิดโรคระบาด