KUN ลั่นปี 65 รายได้โต 15-20% ยอดขายเกิน 1,800 ล้านบาท

KUN ลั่นปี 65 รายได้โต 15-20%  ยอดขายเกิน 1,800 ล้านบาท

“KUN” ยึดตลาดอยู่อาศัยแนวราบตั้งเป้าเติบโตรายได้ปี 65 เพิ่มขึ้น 15-20% พร้อมตั้งเป้ายอดขายแตะ 1,800 ล้านบาท ตอกย้ำการยกระดับการทำ New High ต่อเนื่อง ตั้งงบลงทุน 1,000 ล้านบาท ซื้อที่ดิน 450 ล้านบาท และออกโครงการใหม่ 2 โครงการ

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะแนวราบในปี 2565 จะเป็นปีที่ท้าทายแต่ก็จะเป็นปีที่ดีต่อเนื่อง แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เพราะสินค้ายังเป็นที่ต้องการของตลาดที่สูงอยู่ และเป็น Real Demand ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาอสังหาริมทรัพย์แนวราบมากขึ้น

อีกทั้งยังมีการส่งเสริมของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาตรการผ่อนปรนเกณฑ์ LTV และรัฐบาลต่อมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนของบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จึงเป็นการส่งเสริมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้อีก เป็นมุมมองสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีการกระตุ้นอย่างเป็นรูปธรรมและสนับสนุนนโยบายให้คนมีบ้านอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะทำตัวเลข New High ต่อไป โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15-20% จากปี 2564 และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ที่ 1,510 ล้านบาท พร้อมทั้งยังตอกย้ำว่าในปีนี้ จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลกำไรของ “คุณาลัย” อย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ลงทุนมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

โดย ณ สิ้นปี 2564 บริษัทมี Backlog มูลค่า 300 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในไตรมาสที่ 1 /2565 นี้ นอกจากนี้ยังมองว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบในปี 2565 จะมีการแข่งขันที่สูง เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ส่งผลให้ “คุณาลัย” จึงมุ่งรักษากลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละทำเล

สำหรับภาพรวมของแผนงานใน ปี 2565 “คุณาลัย” ยังคงเดินหน้าตอกย้ำศักยภาพ ด้วยการสร้างแบรนด์(Brand) ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อค่อยๆ พาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจากช่วง Brand Awareness ไปสู่การเป็น Brand love ผ่านกระบวนการทั้งในส่วนของการบริการ และสื่อสารทั้งสินค้าและบริษัทผ่านสื่อต่างๆ ให้สอดรับกับแผนการขยายธุรกิจสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล

KUN ลั่นปี 65 รายได้โต 15-20%  ยอดขายเกิน 1,800 ล้านบาท

ปีนี้ “คุณาลัย” มุ่งเน้นทำการ Re-engineer องค์กรทั้งหมดเพื่ออัพเกรดและเตรียมพร้อม ทั้งด้านความรู้ความสามารถ ซึ่งเชื่อว่าแผนการขับเคลื่อนดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทจะสามารถแตะระดับรายรับที่ 1,500 ล้านบาทและ 2,000 ล้านบาทในอนาคตอันใกล้นี้

“เรายังคงเน้นการขับเคลื่อนโดยให้ความสำคัญกับ 1.Product Redefined เพื่อปรับปรุงสินค้าให้บ้านสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างราบรื่น ทั้งในส่วนของรูปแบบการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายใน และภายนอกบ้าน การให้ความสำคัญกับการสื่อสาร เช่น อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีจำนวนมากขึ้น การใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายเช่นการติด solar cell เพื่อประหยัดพลังงานในช่วงกลางวัน 2.Project Redesigned สภาพโครงการในรูปแบบใหม่ที่เน้นความเป็นส่วนตัวของแต่ละครอบครัว

KUN ลั่นปี 65 รายได้โต 15-20%  ยอดขายเกิน 1,800 ล้านบาท

โดยการออกแบบอาศัยหลักทางวิทยาศาสตร์หลายแขนงและสถาปัตยกรรมมาออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ที่วางแผนการมีกิจกรรมนอกบ้านและในบ้านที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลถึงโรคภัย 3.Organization Re-Engineered อัพเกรดองค์กรทั้งส่วนของ soft and hard skills สู่ความเป็นเลิศในสิ่งที่ “คุณาลัย” ถนัด เพื่อต่อยอดผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเป้าหมายขององค์กร 

นอกจากนี้ “คุณาลัย” มีแผนพัฒนาบ้านในรูปแบบ Eco Smart โดยการนำพลังงานทางเลือกมาใช้กับบ้านของ “คุณาลัย” โดยนำร่องที่โครงการ คุณาลัย พรีม บางส่วน ซึ่งเป็นการติดตั้งแผนโซลาร์เซลล์ให้กับบ้านในโซนที่บริษัทนำร่อง เพื่อเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้ และนำหลักการเรื่องการจัดการพื้นที่ใช้สอยภายในและภายนอกบ้าน หรือ space management มาปรับปรุงสินค้าเพื่อตอกย้ำในสิ่งที่เราพูดถึงมาตลอด และเป็นจุดเด่นที่ทำให้เราขายดีตามคอนเซ็ปต์ภายใต้ “คุณาลัยสร้างพื้นที่ สร้างความสุข”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “คุณาลัย” ยังได้กล่าวถึงงบการลงทุนสำหรับปี 2565 ว่า บริษัทตั้งงบขยายการลงทุนไว้ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณสำหรับซื้อที่ดิน 450 ล้านบาท ส่วนวงเงินที่เหลือจะนำไปลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดภายในปีนี้ ทั้ง 2 โครงการคือ 1.โครงการคุณาลัย เดซี่(Kunalai Daisy) โซนบางบัวทอง เป็นโครงการที่พัฒนาใหม่เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่กำลังจะหมด เป็นสินค้าบ้านแฝดและบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท ที่ขายดีที่สุดและตลาดต้องการมาก รูปแบบโครงการจะคล้ายโครงการที่พัฒนาอยู่ โดยโครงการจะเน้นเรื่อง “ตัดส่วนเกิน เพิ่มเติมส่วนขาด” ตามความถนัดที่ “คุณาลัย” มี ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในบ้านเพิ่มขึ้น จากภาวะที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันภายในบ้านมากกว่าเดิม มูลค่าโครงการ ประมาณ 800 ล้านบาท

และ 2.โครงการคุณาลัย นาวาร่า (KunalaiNavara)จะเป็นอีก 1 แฟลกชิป (Flagship) ที่เป็นอีกหนึ่งเรือธงของ “คุณาลัย” ซึ่งบริษัทจะยกโมเดลยุทธศาสตร์การสร้างเมือง บนพื้นที่ดังกล่าวให้เหมือนแฟลกชิป แห่งแรกคือบางบัวทอง สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นโครงการในทิศที่ 3 ของ “คุณาลัย” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงเทพฯ โซนพระราม 2-บางขุนเทียน มีมูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยมองว่าทำเลโซนดังกล่าวจะเป็น Blue Ocean ที่ยังคงมีความต้องการ (ดีมานด์) ที่อยู่อาศัย ดังนั้น มองว่าจึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่คุณาลัยจะเข้าไปพัฒนาโครงการ เบื้องต้นคาดจะเปิดขายได้ภายในไตรมาส 3/2565

พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวยอมรับว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคคือ ที่อยู่อาศัยแนวราบในช่วงระดับราคา 2-8 ล้านบาท ซึ่งตลาดดังกล่าวมีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นตลาดดังกล่าวจึงสอดคล้องกับแผนการต่อยอด และการลงทุนพัฒนาโครงการของ “คุณาลัย” ที่เตรียมการรองรับการขายในอนาคต โดยล่าสุดบริษัทมีแผนงานระยะกลางที่ 5 ปี (2566 - 2570)ที่เตรียมพร้อมเพื่อการพัฒนาและที่ดินเปล่าที่ได้วางมัดจำไว้แล้ว รวมมูลค่าโครงการเกือบ 10,000  ล้านบาท รวมถึงแผนในการเปิดโครงการใหม่ไว้พร้อมแล้ว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการรับรู้รายได้จากปัจจุบันจนถึงปี 2570 เป็นที่เรียบร้อย 

สำหรับดีมานด์กลุ่มผู้บริโภคในโซนที่ “คุณาลัย ” พัฒนาอยู่ในปัจจุบัน ยังถือว่ามีดีมานด์ดีมากอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการมีจำนวนรวมใกล้เคียงกับปี 2563 แต่ยอดขายของบริษัทในปี 2564 สามารถเติบโตได้เกือบ15% จากยอดขายในปี 2563 แสดงถึงลูกค้าที่มาดูโครงการเป็นลูกค้าที่มีความต้องการบ้านจริง ทำให้อัตราการปิดการขายของ “คุณาลัย ” สามารถทำได้ดีขึ้น

นอกจากนั้นทุกโซนที่มีโครงการบ้านจัดสรรของเราที่พัฒนาอยู่ทั้ง 3 โซน(บางบัวทอง ฉะเชิงเทรา และบางขุนเทียน)อยู่ในโซนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ทั้งรถไฟฟ้า ถนนวงแหวน ทางด่วนใหม่ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายของปี 2565 ที่วางไว้ ทิศทางการตลาดที่จะใช้คือ มีทั้ง 1. market penetration การมีสินค้า Segment อื่นเพิ่มเติมในจุดที่มีชื่อเสียง เพิ่ม Market Share ได้อีก และ 2. Market Development ในโซนที่เราเริ่มต้นใหม่ ในปีนี้คือ โซนบางขุนเทียน เพื่อสร้างฐานรายรับในอนาคตให้เติบโตยิ่งขึ้น

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์