สองหุ้นใหญ่“BCP-KSL” ปั้น BBGI โกยความมั่งคั่งครั้งใหม่

สองหุ้นใหญ่“BCP-KSL” ปั้น BBGI โกยความมั่งคั่งครั้งใหม่

มุ่งขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (HVP) ด้วยเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ ถือเป็น New S-Curve “จุดขาย” หุ้นไอพีโอน้องใหม่ “บีบีจีไอ” เตรียมระดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในราคาหุ้นละ 10.50 บาท

บมจ.บีบีจีไอ หรือ BBGI ผู้นำอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (HVP) ที่ส่งเสริมสุขภาพด้วยนวัตกรรมสีเขียวเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน สอดรับกับนโยบายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ด้วยโมเดล “เศรษฐกิจ BCG” (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ สะท้อนผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญ ประกอบด้วย เกษตร , อาหาร , สุขภาพ , การแพทย์ , พลังงาน , วัสดุ และเคมีชีวภาพ 

กำลังส่งผลดีต่อหุ้นไอพีโอน้องใหม่ BBGI จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวนไม่เกิน 433.20 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10.50 บาทมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2.50 บาท คาดซื้อขายวันแรก (เทรด) ไตรมาส 1 ปี 2565

การขยับตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้แน่นอนว่า “สองผู้ถือหุ้นใหญ่” อย่าง บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ถือหุ้น 40.2% และ บมจ. น้ำตาลขอนแก่น หรือ KSL ถือหุ้น 26.8% (ตัวเลขหลังเสนอขายหุ้น (IPO) ต้องการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพและผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพที่เป็น “เรือธง” (Flagship) ของกลุ่ม BCP และ KSL

สะท้อนผ่าน เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งนำไป “ลงทุนขยายกิจการ” และ “ลงทุนโครงการในอนาคต” รวมถึงกระบวนการพัฒนา ปรับปรุงประสิทธิภาพ ส่วนที่เหลือใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงินและชำระคืนหุ้นกู้ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ณ ปัจจุบัน BBGI ดำเนินธุรกิจโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ประกอบด้วย ธุรกิจหลัก คือ “ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพ” (Bio-based Products) ประเภทผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ได้แก่ ไบโอดีเซล กลีเซอรีนบริสุทธิ์เกรดอาหารและยา เอทานอล แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อเกรดเภสัชกรรม 

และธุรกิจอื่น คือ “ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง” (High Value Bio-Based Products หรือ HVP) ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพ (Health and Well-Being) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงโดยจดสิทธิบัตรหรือได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่ง BBGI เป็นเจ้าของหรือได้รับสิทธิบัตรดังกล่าว

“กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บีบีจีไอ หรือ BBGI เล่าให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟังว่า บริษัทเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของ “อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง” หรือ Advanced Biotechnology ซึ่งเป็นนวัตกรรรมใหม่ของเทคโนโลยีชีวภาพที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคต 

จากการนำวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง หรือวัตถุดิบทางการเกษตรอื่นๆ มาผ่านกระบวนการทางชีวภาพด้วยจุลินทรีย์ที่ออกแบบขึ้นด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตั้งแต่ส่วนประกอบชีวภาพในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค หรือส่วนประกอบชีวภาพในยารักษาโรค ที่มีประสิทธิภาพ คุณภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

สะท้อนผ่าน แผนธุรกิจ 3 ปี (2565-2567) คาดใช้เงินลงทุนระดับ “พันล้านบาท” สะท้อนผ่านการมุ่งขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (HVP) ด้วยเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ (Synbio) ถือเป็น “ธุรกิจ New S-Curve” ของ BBGI โดยจะดำเนินการผ่านโมเดลธุรกิจด้วยการเป็น Strategic Partner กับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกที่มีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง ต่อยอดจากพื้นฐานความชำนาญและประสบการณ์ของ BBGI ในฐานะผู้นำธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ของประเทศไทย

สอดคล้องกับปัจจุบัน BBGI ได้ร่วมเป็นพันธมิตรและลงทุนในบริษัท Manus Bio Inc. บริษัทจดทะเบียนในประเทศสหรัฐ ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง ที่มีความเชี่ยวชาญในการค้นคว้าวิจัย และพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่มีความหลากหลาย ซึ่ง BBGI สามารถนำองค์ความรู้มาต่อยอดเพื่อทำการวิจัย พัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงได้เป็นอย่างดี เพื่อผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสีเขียวที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับโลก

BBGI ได้ร่วมกับ Manus จัดตั้ง บริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จำกัด (WIN) เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงของ Manus ในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม 12 ประเทศ ซึ่ง WIN ได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการผลิตและจำหน่าย โดยปัจจุบันได้เริ่มทำการตลาดผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ผลิตจากเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงของ Manus ภายใต้แบรนด์ “NutraSweet” ที่ให้ความหวานและรสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาล แต่ไม่มีแคลอรี่ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด 

ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานจากหญ้าหวาน (Reb M) สำหรับใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่ม และ ผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานบรรจุซอง (Table Top) สำหรับจำหน่ายให้ลูกค้าผู้ประกอบการร้านกาแฟ ร้านอาหาร โรงแรมและผู้บริโภคทั่วไป นอกจากนี้ WIN ได้เริ่มแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าวใน 5 ประเทศหลักในภูมิภาคเอเชีย และ อยู่ระหว่างกระบวนการเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าเพื่อพัฒนาเป็นสูตรสินค้าจัดจำหน่ายต่อไป

สุดท้าย “กิตติพงศ์” บอกไว้ว่า ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกได้เริ่มพัฒนาและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี SynBio มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแล้ว เช่น ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์จากพืชที่มี รสชาติ กลิ่น และ สัมผัส เหมือนกับเนื้อสัตว์จริง ตอบรับเทรนด์ Health and Wellness ของผู้บริโภคทั่วโลก