สงครามยื้อ อย่าแค่ "ตั้งรับ" มาตรการปลุก "เศรษฐกิจ" ต้องมี

สงครามยื้อ อย่าแค่ "ตั้งรับ" มาตรการปลุก "เศรษฐกิจ" ต้องมี

วันนี้โลกกำลังบอบช้ำอย่างหนักทั้งจากวิกฤติโควิด อัตราเงินเฟ้อ และวิกฤติจากสงคราม โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงต่อเนื่อง “ประเทศไทย” ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมัน ข่าวของแพง เงินเฟ้อ มาตรการแค่ “ตั้งรับ” อาจไม่เพียงพอ

สงครามระหว่าง “รัสเซีย” และ “ยูเครน” ยังตึงเครียด แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากประเทศทั่วโลก ให้เดินหน้าเจรจาเพื่อยุติสงครามให้เร็ว แต่ศึกครั้งนี้เห็นท่าจะไม่จบลงง่ายๆ

แม้บนเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) สมัยประชุมฉุกเฉินในมติว่าด้วย การบุกรุกยูเครน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดถึงมติระหว่างประเทศที่ทรงพลัง ลงมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 141 ต่อ 5 เสียง เรียกร้องให้ “รัสเซีย“ ยุติการรุกราน ”ยูเครน” และถอนกองทัพทั้งหมดออกไปโดยทันที

การประชุมชาติสมาชิกยูเอ็น 193 ประเทศครั้งนี้ นับเป็นการเรียกประชุมฉุกเฉินครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2540 

 บรรดาชาติที่เรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครน 141 ประเทศ รวมถึง “ประเทศไทย” ด้วย ที่โหวตประณามรัสเซีย และเรียกร้องให้ยุติสงครามในยูเครน ขณะที่ประเทศที่โหวตคัดค้านมติครั้งนี้ ประกอบด้วย 5 ประเทศ นอกจากรัสเซียแล้ว ยังมี เบลารุส คิวบา เกาหลีเหนือ ซีเรีย และมี 35 ประเทศงดออกเสียง นำโดย จีน อินเดีย แอฟริกาใต้ และเวียดนาม 

แม้มติดังกล่าวจะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่แสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาและความเห็นของชาติสมาชิกยูเอ็นส่วนใหญ่ที่ร่วมประณามรัสเซีย กรณีกระทำการก้าวร้าวรุนแรงต่อยูเครนด้วยท่าทีที่หนักแน่นที่สุด เห็นได้จากข้อเรียกร้องให้รัสเซียถอนกองทัพทั้งหมดออกจากยูเครนโดยทันที

เราไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจากนี้ “วลาดิมีร์ ปูติน” ผู้นำรัสเซีย จะฟังมติของเวทีนี้ หรือจากนี้รัสเซียจะลดระดับการเผชิญหน้าลงหรือไม่ หรือบางทีมตินี้อาจจะยิ่งเป็น “ตัวเร่ง” ให้ปูตินใส่เกียร์เดินหน้า เพิ่มดีกรีความตึงเครียดมากขึ้นอีกก็ได้ ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาทางใด วันนี้โลกกำลังบอบช้ำอย่างหนักทั้งจากวิกฤติโควิด อัตราเงินเฟ้อ และวิกฤติจากสงคราม โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยหลัก 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปมากแล้ว 

“ประเทศไทย” ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมัน ข่าวของแพง เงินเฟ้อ มาตรการแค่ “ตั้งรับ” อาจไม่เพียงพอ

รัฐบาลนำโดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และทีมเศรษฐกิจประเทศ ต้องเร่งผลักดันมาตรการปลุกเศรษฐกิจ ที่เป็นรูปธรรมออกมาให้เร็วที่สุด ราคาน้ำมันในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต การขนส่ง ทุกอย่างกระทบกันเป็นลูกโซ่ หากไม่เร่งแก้ปัญหาให้เร็ว จะเกิดผลกระทบตามมาอีกมหาศาล

ดังนั้นต้องเร่งหามาตรการ “หยุดเลือด” จากบาดแผลเศรษฐกิจ ที่กำลังอักเสบอย่างหนัก การหารือกับทีมเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือออกมา ต้องไม่ใช่แค่การออกมาเพื่อตั้งรับ แต่มาตรการต้องมองให้ทะลุทุกมิติ ปลุกให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าต่อให้ได้ท่ามกลางความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ

ที่สำคัญครั้งนี้จะเป็นอีกบททดสอบที่พิสูจน์ฝีมือของ “ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” ได้เป็นอย่างดี