ส่งออกเดือนม.ค.ขยายตัว 8 % ยันสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่กระทบไทย

ส่งออกเดือนม.ค.ขยายตัว 8 % ยันสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่กระทบไทย

พาณิชย์ เผย ตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. ขยายตัว 8 % มูลค่า21,258.6 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่ม ทำไทยขาดดุลการค้า 2,526.4 ล้านดอลลาร์ ผลจากราคาน้ำมันปรับตัวสูง ยันสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่กระทบ

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  การส่งออกของไทยเดือนม.ค. 2565 ขยายตัว  8% มูลค่า21,258   ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับม.ค.2564 ที่ขยายตัวแค่ 0.1%  ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 23,785  ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิต และการนำเข้าน้ำมันที่ราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยขาดดุลการค้ามูลค่า 2,526.4 ล้านดอลลาร์

ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกไทยเดือนม.ค.ขยายตัว 8 %  มาจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน ยังเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มข้น  ภาคการผลิตทั่วโลกยังขยายตัวดูได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing PMI) เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 สะท้อนว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อเนื่อง  และปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งสหรัฐกับภาคเอกชนร่วมมือกันขยายเวลาทำการในวันหยุด และเพิ่มการทำงานในช่วงกลางคืน ทำให้คล่องตัวขึ้นและตู้คงค้างลดลง ซึ่งปีนี้ยังคงต้องเป้าการส่งออกไว้ที่ 3-4 %

สำหรับตลาดที่ขยายตัวสูงสุด 10 อันดับแรกในเดือนม.ค.2565 ได้แก่  1. อินเดีย ขยายตัว 31.9%  2. รัสเซีย ขยายตัว 31.9%  3. สหราชอาณาจักร ขยายตัว 29.7%  4. เกาหลีใต้ ขยายตัว 26.8%  5. สหรัฐฯขยายตัว 24.1%  6. แคนาดา ขยายตัว 13.6%  7. อาเซียน5 ขยายตัว 13.2%  8. จีน ขยายตัว 6.8%  9. ลาตินอเมริกา ขยายตัว 5.0%  10. สหภาพยุโรปขยายตัว 1.4%  ทั้งนี้ตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค.ที่ออกมาล่าช้าและไม่มีรายละเอียดรายสินค้า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่กรมศุลกากรปรับระบบพิกัดศุลกากรทุก 5 ปี

ส่งออกเดือนม.ค.ขยายตัว 8 % ยันสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่กระทบไทย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  สำหรับสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ได้มอบหมายให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาพันธ์ SMEs และสมาคมอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบทางตรงต่อการส่งออกของไทย เพราะตลาดรัสเซียเป็นตลาดส่งออกที่มีสัดส่วนการตลาดแค่ 0.38% ของไทย และตลาดยูเครน 0.04% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่มาก แต่เมื่อเจาะเป็นรายสินค้า มีผลกระทบต่อยางรถยนตร์ อาหารแปรรูป อัญมณี และเครื่องสำอาง ที่ส่งออกไปยังรัสเซียและยูเครนแต่อาจจะกระทบต่อสินค้า ประเภทยางรถยนตร์ อาหารแปรรูป อัญมณีและเครื่องสำอาง ที่ส่งออกไปยังรัสเซียและยูเครน

ส่วนในอนาคตประเมินว่า อาจจะมีผลกระทบต่อต้นทุนทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ตอนนี้ยังไม่มี และจะมีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรือ หากน้ำมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีการปิดท่าเรือบางแห่งในรัสเซียหรือยูเครน การส่งสินค้าของไทยอาจต้องเปลี่ยนท่าเรือ จะมีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งได้

สำหรับผลกระทบทางอ้อม อาจมีเรื่องราคาพลังงาน ราคาเหล็กนำเข้าที่นำมาผลิตสินค้าต่อเนื่อง เช่น กระป๋อง หรือก่อสร้าง ที่จะได้รับผลกระทบ รวมถึงธัญพืชนำเข้าเพื่อทำอาหารสัตว์ เช่น ข้าวสาลีและข้าวโพด เพราะเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะยูเครน

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรับมือ กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ รองรับร่วมกัน หากเกิดปัญหา โดยจะบุกตลาดทดแทน เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา เตรียมบุกตลาดทดแทนสินค้าของรัสเซียหรือยูเครนที่ไม่สามารถส่งออกไปตลาดสำคัญในโลกได้ จะถือเป็นโอกาสเข้าไปทดแทนตลาดรัสเซียกับยูเครน เช่น มันสำปะหลัง อาจส่งไปจีน แทนข้าวโพดของยูเครน หรือผลิตภัณฑ์ยางในสหรัฐฯ อาหารสำเร็จรูปส่งออกไปทดแทนสินค้าจากรัสเซียยูเครน เป็นต้น

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า  ในส่วนของการตัดรัสเซียออกจากระบบการเงินโลกหรือ  SWIFTนั้น จะต้องมีมติอย่างเป็นทางการของมาคมโทรคมนาคมทางการเงินโลกหรือSWIFT อย่างเป็นทางการก่อน  ขณะนี้ยังไม่มีการระงับธุรกรรมทางการเงินระหว่างไทยกับรัสเซีย ยังดำเนินการได้ตามปกติ ส่วนปัญหาการขนส่งสินค้าที่อาจหยุดชะงักจากความขัดเย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่อาจทำให้มีการปิดท่าเรือบางแห่งนั้น ขณะนี้การขนส่งยังดำเนินได้อยู่แต่หากมีปิดท่าเรือก็สามารถนำสินค้าขึ้นท่าเรือผ่านประเทศอี่นได้   ข้อเสนอของเอกชนให้ช่วยเร่งรัดเจรจากับทางการจีนเปิดเส้นทางรถและทางราง เพื่อขนส่งสินค้าของไทยผ่านแดนจีนไปยังเอเชียกลาง และยุโรป นั้น ปัจจุบันการขนส่งผ่านแดนจากจีนไปยังยุโรปทำได้อยู่แล้ว เพราะเป็นจีนเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกหรือดับบลิวที ซึ่งมีระเบียบการค้าที่อนุญาตส่งสินค้าผ่านแดนได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางกระทรวงฯได้รับข้อเสนอของเอกชนไว้หากมีโอกาสก็นำไปหารือในเวทีเจรจาระดับนโยบายระหว่างไทย-จีนต่อไป