“เซ็นเทล” ปี 64 ขาดทุน 1,734 ล้าน ชี้ Q4 กำไรธุรกิจโรงแรม-อาหารฟื้น 185%

“เซ็นเทล” ปี 64 ขาดทุน 1,734 ล้าน ชี้ Q4 กำไรธุรกิจโรงแรม-อาหารฟื้น 185%

“เซ็นเทล” เผยผลประกอบการปี 64 ขาดทุนสุทธิ 1,734 ล้านบาท ลดลง 38% ชี้การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร หนุนบริษัทกลับมามีกำไรสุทธิ 152 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2564 แม้ยังคงเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19

นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ Centel เมื่อไตรมาส 4/2564 บริษัทฯมีรายได้รวม 3,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 497 ล้านบาท (หรือเพิ่มขึ้น 15%) โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากทั้งธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงแรม ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19

ทั้งนี้บริษัทฯ มีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวม 977 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 519 ล้านบาท (หรือเพิ่มขึ้น 113%) เทียบปีก่อน การปรับตัวดีขึ้นของอัตราการทำกำไร สืบเนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร ประกอบกับการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะมัลดีฟส์ที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 330 ล้านบาท หรือ 185% เทียบปีก่อน

“ในปี 2565 แม้ธุรกิจโรงแรมยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ผลกระทบที่ได้รับคาดว่าจะรุนแรงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากการได้รับวัคซีน การปรับตัวตามวิถีชีวิตใหม่ และมาตรการของรัฐที่ผ่อนคลายมากขึ้น”

อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะเป็นในลักษณะค่อยๆ ฟื้นตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อกำหนดในการเดินทางระหว่างประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี (รวมกิจการร่วมค้า) อยู่ในช่วง 40% - 50% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) อยู่ที่ 1,700 – 1,900 บาท โดยโรงแรมต่างประเทศทั้งมัลดีฟส์และดูไบที่คาดว่ายังคงดีอย่างต่อเนื่องรวมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยจะเป็นปัจจัยในการฟื้นตัว โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังเป็นสำคัญ

สำหรับธุรกิจอาหาร บริษัทฯคาดว่าในปี 2565 อัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales: SSS)  และอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales: TSS) จะอยู่ในช่วง 10% ถึง 15% และ 20% ถึง 25% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมาตามลำดับ สำหรับการเติบโตของจำนวนสาขา บริษัทฯ คาดว่าจะมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นสุทธิ 180-200 สาขา 

นายกันย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมผลประกอบการตลอดปี 2564 บริษัทฯมีรายได้รวม 11,635 ล้านบาท ลดลง 1,614 ล้านบาท (หรือลดลง 12%) บริษัทฯมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวม 2,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท (หรือเพิ่มขึ้น 1%) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ ต่อรายได้รวม (% EBITDA) 17% เพิ่มขึ้นเทียบปีก่อน (ปี 2563: 15%)   

บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 1,779 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 228 ล้านบาท เทียบปีก่อน (หรือ 15%) ทั้งนี้ หากรวมรายการพิเศษกลับรายการ (สำรอง) ด้อยค่าของสินทรัพย์ บริษัทฯจะมีผลขาดทุนสุทธิ 1,734 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 1,042 ล้านบาท เทียบปีก่อน (หรือ 38%)