จับสัญญาณผ่อนมาตรการเดินทางเข้าไทย ททท.แนะเอกชนท่องเที่ยวเตรียมพร้อม

จับสัญญาณผ่อนมาตรการเดินทางเข้าไทย  ททท.แนะเอกชนท่องเที่ยวเตรียมพร้อม

“ททท.” ส่งสัญญาณเอกชนท่องเที่ยว ภาครัฐจ่อผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าไทยเพิ่มระยะถัดไป เม.ย.นี้ ปรับรูปแบบหลักฐานการตรวจก่อนเดินทางและการตรวจหาเชื้อเมื่อมาถึงและระหว่างพำนักในไทย

พร้อมขอความร่วมมือ “โรงแรม” ทำเรื่องคืนเงินค่าตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 และค่าห้องพักวันที่ 5 แก่นักท่องเที่ยวรับมติ ศบค.

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เดือน เม.ย.นี้ ทางภาครัฐจะมีการพิจารณาปรับมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักรในระยะถัดไป เช่น เรื่องผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทาง ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวต้องมีผลตรวจด้วยวิธี RT-PCR เป็นลบ ระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางจากประเทศต้นทาง อาจมีการปรับรูปแบบหลักฐานการตรวจก่อนเดินทาง, เรื่องปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อเมื่อมาถึงและระหว่างพำนักในไทย อาจปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อเมื่อเดินทางมาถึง และเรื่องการเพิ่มช่องทางรับผู้เดินทางประเภท Test & Go ด่านทางบกใน จ.สตูล จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส และด่านทางบกที่มีความพร้อมตามแบบประเมิน

หลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา มีมติปรับมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักรล่าสุด เริ่มวันที่ 1 มี.ค.2565 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา

หนึ่งในสาระสำคัญกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรที่ยื่นขอไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) ทั้งประเภท Test & Go และแซนด์บ็อกซ์ รวมรายเก่าและรายใหม่ ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในวันแรกที่เดินทางเข้าไทยด้วยวิธี RT-PCR และครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 เปลี่ยนจากเดิมใช้วิธี RT-PCR เป็น Self ATK แทน และให้ผู้เดินทางแจ้งผลการตรวจผ่านแอพพลิเคชั่น MorChana (หมอชนะ) ส่งผลให้ผู้เดินทางมีสิทธิขอยกเลิกการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 และยกเลิกการจองห้องพักในวันที่ 5

ททท.ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA Extra Plus ในการทำเรื่องคืนเงิน (Refund) แก่ผู้เดินทางที่จ่ายค่าตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 และค่าห้องพักวันที่ 5 เพื่อรอผลตรวจ โดยอาจคืนในรูปแบบเงินสด หรือเก็บเป็นเครดิตวงเงินสำหรับใช้จ่ายในวันอื่น หรือให้เป็นวอยเชอร์สำหรับใช้จ่ายในโรงแรมแทน ตามนโยบายของแต่ละโรงแรม เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของตัวโรงแรมเอง

เนื่องจากผู้เดินทางกว่า 20-30% เป็นคนไทยที่เดินทางกลับบ้านหรือกลับจากเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะขอยกเลิกการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 และการจองห้องพักวันที่ 5 ส่วนผู้เดินทางอีก 70-80% นักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งทาง ททท.มั่นใจว่าเมื่อทำการจองและจ่ายค่าห้องพักในไทยแล้ว จะยังคงเดินทางมาเที่ยวไทยตามแผน และส่วนใหญ่เลือกเข้าพักโรงแรมที่จองไว้ต่อ คงไม่ขอคืนเงินค่าห้องพัก 100% แต่น่าจะขอคืนเงินค่าตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 มากกว่า

“ภาครัฐตระหนักถึงผลกระทบของผู้ประกอบการโรงแรมเรื่องคืนเงินค่าห้องพักวันที่ 5 สำหรับรองรับผู้เดินทางรอผลตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 ดีว่าทางโรงแรมอาจมีการนำเงินที่ได้รับจากผู้เดินทางไปใช้จ่ายเพื่อเตรียมการต่างๆ ต้อนรับผู้เดินทางแล้ว ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก.) จะทำหนังสือยื่นถึงผู้ประกอบการโรงแรม SHA Extra Plus สมาคมโรงแรมไทย และสมาคมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความร่วมมือเรื่องการคืนเงินแก่ผู้เดินทางในรูปแบบต่างๆ ตามนโยบายของแต่ละโรงแรม”

จากข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.พ. มีผู้ยื่นขอไทยแลนด์พาสเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. และได้จองห้องพักในวันที่ 5 รวม 78,103 คน แบ่งเป็นประเภท Test & Go 77,851 คน และประเภทแซนด์บ็อกซ์ 252 คน ทั้งนี้เป็นจำนวนเบื้องต้นซึ่งยังไม่ได้ปรับลดตามสัดส่วนจำนวนผู้เดินทางจริง ผู้ผ่านการตรวจวัคซีน และผู้ลงทะเบียนซ้ำ

ตามมติ ศบค.ดังกล่าว ยังได้เพิ่มช่องทางประเภท Test & Go ทางบก โดยมีจังหวัดนำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ จ.หนองคาย จ.อุดรธานี และ จ.สงขลา ขณะที่ Test & Go ทางน้ำ ผู้เดินทางต้องยื่นขอ COE (Certificate of Entry) เดินทางด้วยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอตช์) เท่านั้นในระยะแรกนี้ ขณะเดียวกันผู้เดินทางประเภท Test & Go และแซนด์บ็อกซ์ทางอากาศ สามารถต่อเครื่องที่เป็นเที่ยวบินตรงหรือต่อเครื่อง Dedicate Flight จากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดเป้าหมายได้