หุ้น "เจ้าสัวเจริญ" ปี 64 กวาดกำไร 7.1 พันล้าน

หุ้น "เจ้าสัวเจริญ" ปี 64 กวาดกำไร 7.1 พันล้าน

9 หุ้นในกลุ่ม “เจ้าสัวเจริญ” ประกาศงบปี 64 มีกำไร 7.1 พันล้าน ใกล้เคียงกับปี 63 ที่กำไร 7 พันล้าน โบรกฯ ประเมินบิ๊กแคปในพอร์ต BJC แนวโน้มปี 65 โตต่อเนื่อง รับเปิดประเทศ-มาตรการรัฐ ฝั่ง AWC ลุ้นโควิดในประเทศ-นักท่องเที่ยวกลับมาเดินทาง แนะจับตา UV จับมือ BGRIM ปรับโครงสร้าง

“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งอยู่ในเครือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี หรือ “เจ้าสัวเจริญ” โดย 9 บริษัทที่ประกาศงบปี 2564 ออกมาแล้ว ได้แก่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT)บมจ.โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) บมจ.เสริมสุข (SSC) บมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV) บมจ.อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง (AMARIN) บมจ.อาหารสยาม (SFP) และ บมจ.อินทรประกันภัย (INSURE) มีกำไรสุทธิรวมกันทั้งสิ้น 7,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อนที่มีกำไร 7,065 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายหลังผลการดำเนินงานปี 2564 ของหุ้นในกลุ่มนายเจริญประกาศออกมา ฝ่ายวิจัยประเมินแนวโน้มผลการดำเนินปี 2565 ของหุ้นขนาดใหญ่ (บิ๊กแคป) ในกลุ่ม โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ AWC ยังเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจโรงแรมในพอร์ต ซึ่งต้องอาศัยการกลับมาเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ว่าธุรกิจอาคารสำนักงาน (ออฟฟิศ) จะไม่ได้รับผลกระทบ

หุ้นเจ้าสัวเจริญ กำไร

ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก BJC คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัว โดยคาดว่ายอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) จะเริ่มกลับมาเป็นบวก จากแรงหนุนการเปิดประเทศและมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ เช่น มาตรการช้อปดีมีคืน แม้จะมีความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในระดับสูง แต่คาดว่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่รัฐบาลจะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งหากภาครัฐไม่จำกัดการเดินทางหรือเวลาเปิด-ปิดห้างสรรพสินค้า คาดว่าจะไม่กระทบต่อ BJC

ทั้งนี้ บล.หยวนต้าฯ แนะนำซื้อ BJC ที่ราคาเหมาะสม 41.00 บาทต่อหุ้น ส่วนธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มที่ต้องจับตา คือ UV ซึ่งอยู่ระหว่างปรับโครงสร้าง ภายหลังประกาศร่วมทุน บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM)

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า AWC เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2564 ขาดทุนลดลง ส่งผลให้ทั้งปีพลิกกำไร 861 ล้านบาท โดยหลักมาจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงบันทึกกำไรพิเศษจากการประเมินราคาสินทรัพย์ 1.6 พันล้านบาท

ขณะที่ปี 2565 คาดว่า AWC จะเป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มโรงแรมที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเปิดประเทศอีกครั้ง เพราะมีพันธมิตรโรงแรมที่แข็งแกร่งทั่วโลก สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ อีกทั้งคาดว่าธุรกิจค้าปลีกและการค้าจะฟื้นตัวหลังไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ จึงแนะนำซื้อที่ราคาเหมาะสม 6.28 บาทต่อหุ้น

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภายหลัง BJC ประกาศกำไรปี 2564 ออกมาดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ เบื้องต้นจึงคาดว่ามีโอกาสที่จะปรับคำแนะนำลงทุนจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” โดยคาดว่าการระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้จะไม่กระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากอาการของผู้ติดเชื้อไม่รุนแรง และอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง ส่งผลให้ประชาชนยังออกมาจับจ่ายใช้สอยตามปกติ อีกทั้งได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐ