"การบินไทย" เตรียมลงนาม มี.ค.นี้ จัดหาสินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท

"การบินไทย" เตรียมลงนาม มี.ค.นี้ จัดหาสินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท

“การบินไทย” เดินหน้าจัดหาสินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท เผยสถาบันการเงิน 5 แห่ง พร้อมสนับสนุน เตรียมลงนามภายใน มี.ค.นี้

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดหาสินเชื่อใหม่วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท จากสถาบันการเงิน เพื่อนำมาเป็นเงินทุนสนับสนุนการฟื้นฟูกิจการในปี 2565 คาดว่าจะลงนามสัญญาสินเชื่อใหม่ได้ภายในเดือนมี.ค.นี้ รวมถึงจัดทำร่างแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ โดยปรับปรุงสาระสำคัญเรื่องโครงสร้างสินเชื่อใหม่ที่ไม่ก่อภาระต่อภาครัฐในการสนับสนุน และการปรับโครงสร้างทุนซึ่งจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวกได้เร็วขึ้น โดยบริษัทจะยื่นการแก้ไขแผนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามขั้นตอนของกฎหมายภายในเดือนมี.ค.นี้เช่นเดียวกัน

สำหรับรายละเอียดของการจัดหาสินเชื่อใหม่ ปัจจุบันมีสถาบันการเงิน 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารออมสิน ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายเดิมมีความเห็นสอดคล้องกับบริษัท ในการจัดหาสินเชื่อใหม่ โดยธนาคารกรุงเทพจะเป็นผู้จำหน่ายหลักทรัพย์ หรืออันเดอร์ไรท์เตอร์ (Underwriter)

“การจัดหาสินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท จากภาคเอกชนส่วนนี้ชัดเจนแล้ว ส่วนของภาครัฐอีก 2.5 หมื่นล้านบาท จะตัดออกไปและคงมีการแก้ไขแผนใหม่ แต่ขณะนี้ประเมินว่าสินเชื่อวงเงินนี้จะเพียงพอต่อการฟื้นฟูธุรกิจ เพราะเราสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายไปได้มาก เชื่อว่าทุนที่เราจะได้มาใหม่นี้ จะทำให้การบินไทยมีผลประกอบการกลับมาเป็นบวกก่อนกำหนดใน 5 ปี”

\"การบินไทย\" เตรียมลงนาม มี.ค.นี้ จัดหาสินเชื่อใหม่ 2.5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ประเทศต่างๆ ในยุโรปเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศเมื่อปลายปี 2564 และเมื่อรัฐบาลไทยได้กำหนดมาตรการ Test and Go ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 จึงส่งผลให้บริษัท มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยรวมต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 311 คนในเดือนต.ค.เป็น 1,067 และ 2,559 คน ในเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค. 2564 ตามลำดับ

 ในขณะเดียวกันมาตรการผ่อนคลายในประเทศก็ทำให้จำนวนผู้โดยสารในเส้นทางภายในประเทศของสายการบินไทยสมายล์ เพิ่มขึ้นมากจาก 2,623 คนต่อวัน ในเดือนก.ย. 2564 เป็น 9,536 คนต่อวัน ในเดือนธ.ค. 2564 แม้ว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นมาก แต่จำนวนผู้โดยสารของการบินไทย และไทยสมายล์รวมกันก็อยู่ระดับ เพียง 20% เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้โดยสารในช่วงเวลาที่บริษัท สามารถให้บริการตามปกติ

ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลให้ภาครัฐยกระดับมาตรการควบคุมฯ โดยการยกเลิกมาตรการ Test and Go ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2564 ทำให้จำนวนผู้โดยสารต่อวันของบริษัท ในเดือนม.ค.และ ก.พ.2565 ลดลงกว่า 20% จากในเดือนธ.ค.2564 อย่างไรก็ดี การที่ภาครัฐนำมาตรการ Test and Go มาใช้อีกครั้งหนึ่ง และประเทศปลายทาง อาทิ เยอรมนี อังกฤษ สวีเดน เดนมาร์ก ออสเตรเลีย เนปาล ฯลฯ ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง นับเป็นสัญญาณดีที่ทำให้ความต้องการเดินทางเริ่มกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง

โดยบริษัท จึงมีแผนเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางต่างๆ อาทิ ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต โคเปนเฮเกน ซูริค สิงคโปร์ และกัวลาลัมเปอร์ และเปิดให้บริการสู่จุดหมายปลายทางใหม่เพิ่มเติม อาทิ เมลเบิร์นในประเทศออสเตรเลีย และจุดหมายปลายทางในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 นี้เป็นต้นไป ในขณะที่สายการบินไทยสมายล์ได้เปิดให้บริการในเส้นทางร้อยเอ็ด และตรัง จากสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งเปิดให้บริการจากสนามบินดอนเมืองไปยังเชียงใหม่ในเดือนก.พ.นี้ 

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการหารายได้ด้านการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์และบริการคลังสินค้า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างรายได้หลักแก่บริษัท ในช่วงที่การขนส่งผู้โดยสารยังมีข้อจำกัดจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา มีการเติบโตด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้รวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท หรือเกือบ 50% ของรายได้รวมของบริษัท ในปี 2564 ที่ผ่านมา

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์