KISS ปี 64 ยังมีกำไร119 ล้าน แม้รายได้ลด ไฟเขียวจ่ายเงินปันผล  0.10 บาทต่อหุ้น

KISS ปี 64 ยังมีกำไร119 ล้าน แม้รายได้ลด ไฟเขียวจ่ายเงินปันผล  0.10 บาทต่อหุ้น

โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล ปี 64 ยังคงกำไรสุทธิ 119 ล้าน บอร์ดประกาศจ่ายเงินปันผล ครึ่งปีหลัง 0.10 บาทต่อหุ้น พร้อมประกาศแผนโรดแมปปี 65 เร่งเครื่องชูนวัตกรรมความงามและสุขภาพเต็มกำลัง ต่อยอดสร้างการเติบโต

นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า ในปี 2564 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายในเชิงการบริหารจัดการเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามมีการชะลอตัว

ทั้งนี้ KISS ได้มีการปรับแผนรับมือกับสภาวการณ์นี้เพื่อรักษาผลการดำเนินงาน โดยสามารถสร้างรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวมอยู่ที่ 772 ล้านบาท ลดลง 20 % โดยยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 119 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15.4% ซึ่งทั้งหมดนี้

เป็นผลจากการดำเนินงานที่มุ่งให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นสำคัญ เพื่อฝ่าวิกฤติความท้าทายจากผลกระทบโรคระบาดที่มีต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโดยรวมที่ยากจะเลี่ยงได้

นางวรวรรณ กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นความท้าทายที่ยากจะคาดการณ์ได้ โดย KISS มีความมั่นใจในการบริหารจัดการและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเติบโตในทุกด้าน เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป หรือต่อสถานการณ์ของตลาดโดยรวมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างการเติบโตแบรนด์ Rojukiss ที่เป็นแบรนด์หลักในกลุ่มสกินแคร์ได้อย่างต่อเนื่องถึง 4% สวนทางสภาวะตลาดหดตัว อันเป็นบทพิสูจน์ถึงการมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในแบรนด์หลักของเรา

โดยบริษัทฯ ขยายพอร์ตโฟลิโอต่อยอดนวัตกรรมเซรั่มของโรจูคิสอย่างต่อเนื่อง ด้วยการออกสินค้าใหม่อย่างผลิตภัณฑ์แชมพูเซรั่มเปลี่ยนสีผมภายใต้แบรนด์ Rojukiss ตอบรับกระแส DIY (DO IT YOURSELF) ที่มีเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายโดยเน้นการเติบโตในส่วนของ e-Commerce ผ่านช่องทางออนไลน์ที่สามารถเติบโตได้กว่า 2 เท่าจากปีก่อน ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทำงานจากบ้าน (Work from Home) และหันมาซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญ การขยายธุรกิจสกินแคร์ภายใต้แบรนด์ Rojukiss เข้าไปในต่างประเทศมีการเติบโตที่ดีมาก ทั้งในประเทศลาว กัมพูชา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินโดนีเซีย โดยในปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการส่งออกรวมทั้งสิ้นกว่า 124 ล้านบาท เติบโต 174% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งการขยายแบรนด์ Rojukiss และ Sis2Sis เข้าในประเทศเวียดนามเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา   

จากการที่ KISS ได้ก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยครบรอบ 1 ปี ท่ามกลางความท้าทายจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม โดยบริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 119 ล้านบาทในปี 2564  ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทต่อหุ้น เป็นเงินจำนวน 60 ล้านบาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2565 อนุมัติในวันที่ 25 เมษายน 2565


สำหรับแผนกลยุทธ์การเติบโตในปี 2565 บริษัทฯ มีแผนการตลาดและกระจายสินค้าในการผลักดันแบรนด์ Rojukiss ที่เป็นแบรนด์หลักอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการทำการตลาดเพื่อให้เป็นแบรนด์และสินค้านวัตกรรมของแบรนด์ที่ได้รับการพูดถึงและอยู่ในกระแสอย่างเต็มรูปแบบโดยเฉพาะในช่องทางดิจิตอล โดยเน้นการเติบโตในช่องทางร้านค้าเพื่อสุขภาพและความงาม และรุกช่องทางออนไลน์ทั้ง e-Com Marketplace และ Social Commerce ต่อเนื่องควบคู่กัน  นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนงานเชิงรุกในการเติบโตต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศอย่างเต็มสูบ โดยเน้นการสร้างแบรนด์และเพิ่มยอดขายในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์

ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทฯ ยังได้เข้าลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท ไฮไบโอไซ จำกัด เพื่อต่อยอดการขยายธุรกิจรุกตลาดสุขภาพอย่างเต็มตัว ผ่านการพัฒนานวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกที่มีเทคโนโลยีที่ออกแบบมาจำเพาะเพื่อป้องกันและยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้รับการพัฒนา คิดค้นและวิจัยโดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญคนไทย บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการเรื่องสุขภาพที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถต่อยอดขยายผลการเติบโตให้กับบริษัทฯ ได้อย่างเข้มแข็ง  โดยคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในไตรมาส 3 ปี 2565 นี้