BGRIM ปี 64 กำไร 2,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.6%

BGRIM ปี 64 กำไร 2,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.6%

BGRIM เผยปี 64 กำไรสุทธิ 2,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.6% ส่วนไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 195 ล้านบาท ลดลง 66.1% จากบันทึกอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.8 เป็น 46,628 ล้านบาท โดยมีปริมาณไฟฟ้าที่ขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เป็น 14,794 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จาก 1) การเติบโตร้อยละ 17.5 ของปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้า IU ในประเทศจากการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้า IU รายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 43.1 เมกะวัตต์ ในปี 2564 และลูกค้ารายเดิม

2) การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชา ในเดือน ธ.ค.2563 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม BTW ในประเทศไทย ในเดือน ส.ค.2564 ขณะที่รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามลดลง จากการแบ่งแยกกิจการของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ DT1&2 ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงจากการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความเข้มแสงที่ลดลง

สำหรับไตรมาส 4 ปี 2564 รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 24.4 เป็น 12,986 ล้านบาท จากรายได้จากการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในไทยและเวียดนาม รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment) ซึ่งอ้างอิงตามราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น

ในส่วนของ EBITDA สำหรับปี 2564 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 4.7 เป็น 12,392 ล้านบาท และสำหรับไตรมาส 4 ปี 2564 ร้อยละ 19.7 เป็น 2,495 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA Margin ลดลงจากปีก่อนเป็นร้อยละ 26.6 สำหรับปี 2564 และร้อยละ 19.2 สำหรับไตรมาส 4 ปี 2564 เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.8 และ 56.4 ตามลำดับ จากการซ่อมบำรุงตามแผนของโรงไฟฟ้า SPP ที่มากขึ้น และรายได้ที่ลดลงจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม

สำหรับปี 2564 มีการเติบโตที่ดีของปริมาณขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้า IU สู่ระดับสูงสุดที่ 3,314 กิกะวัตต์-ชั่วโมง และประสบความสำเร็จในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและให้บริการ โดยลดลงร้อยละ 19.4 อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่สามารถชดเชยกับการเพิ่มของ
ราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.8 เป็น 266 บาทต่อล้าน BTU สำหรับปี 2564 และร้อยละ 56.4 เป็น 335 บาทต่อล้าน BTU สำหรับไตรมาส 4 ปี 2564

ดังนั้น กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 6.8 เป็น 2,440 ล้านบาท สำหรับปี 2564 และร้อยละ 58.9 เป็น 212 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 4 ปี 2564

ขณะที่กำไรสุทธิ-ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 4.6 สำหรับปี 2564 เป็น 2,276 ล้านบาท แต่ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 66.1 สำหรับ 4 ปี 2564 เป็น 195 ล้านบาท โดยส่วนต่างจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน มาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (จากสถานะสุทธิของหนี้และธุรกรรมอื่นที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจ
ด่วบคุมที่เกี่ยวข้อง