บลจ.คิงไว ชี้เทรนด์ลงทุนปี 65 ในธุรกิจใหม่ด้าน เทคฯ แห่งอนาคต - ความยั่งยืน

บลจ.คิงไว ชี้เทรนด์ลงทุนปี 65 ในธุรกิจใหม่ด้าน เทคฯ แห่งอนาคต - ความยั่งยืน

บลจ. คิงไว มุ่งสร้างกองทุนคุณภาพ สร้างผลตอบแทนในระยะกลาง และระยะยาว ปั้น AUM ปี 64 ที่ 15,807 ล้านบาท โตพุ่ง 2.7 เท่าตัวจากปีก่อน พร้อมชี้เทรนด์ลงทุนปี 65 เกิดธุรกิจใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี โลกอนาคต และการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการลงทุน

นายแอนโทนิโอ เฮง ตัท ชาน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บลจ.คิง ไว (เอเชีย) จำกัด หรือ KWI  เปิดเผยว่า  บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ  (AUM) เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด โดยในปี 2564 มี AUM   ทั้งสิ้น 15,807 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.7 เท่าตัวหรือเพิ่มขึ้นราว 167% จากปีก่อนหน้าที่  5,931 ล้านบาท

โดย KWI เน้นสร้างกองทุนคุณภาพ ด้วยกระบวนการตัดสินใจลงทุนที่โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน และได้รับความไว้วางใจให้บริหารเงินลงทุนทำให้เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอย่างรวดเร็ว 

ปัจจุบัน KWI ให้บริการด้านการบริหารจัดการกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ KWI ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยกองทุนรวมภายใต้การจัดการประกอบไปด้วยกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) 8 กองทุน กองทุนหุ้นไทย 2 กองทุน กองทุนรวมที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษี (LTF/RMF/SSF) 3 กองทุน กองทุนรวมตลาดเงิน 1 กองทุน และกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (MF for PVD) อีก 1 กองทุน

บลจ.คิงไว ชี้เทรนด์ลงทุนปี 65 ในธุรกิจใหม่ด้าน เทคฯ แห่งอนาคต - ความยั่งยืน

 “KWI สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าของเราด้วยความหลากหลายทางข้อมูลเชิงลึกอย่างมืออาชีพ พร้อมผสานพลังด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่เปี่ยมประสิทธิภาพ เพื่อการเข้าถึงเทรนด์การลงทุนใหม่ๆ พร้อมทั้งควบคุมความเสี่ยงไปในขณะเดียวกัน  KWI เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ  ด้วยเราต้องการสร้างความตระหนักรู้ที่ถูกต้องถึงแนวคิดในเรื่อง "การปรับใช้เงินทุนและการบริหารจัดการสินทรัพย์" ในการนำเงินทุนมาทำงานให้แก่ลูกค้าของเรา ผ่านการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระยะกลางและระยะยาว

นอกจากนี้ ด้วยค่านิยมของ KWI "ความรับผิดชอบสร้างคุณค่า หน้าที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน” ที่เรายึดมั่น เราจึงสร้างคุณค่าโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อลูกค้าและสังคมโดยเสมอมา ทั้งนี้ ในปี 2564 KWI มีการเติบโต AUM ที่ดี ด้วยการสนับสนุนและความไว้วางใจจากลูกค้า ซึ่งเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาให้ KWI เติบโตด้วยแนวคิด ทัศนคติ และทีมงานที่ล้วนมีความเป็นมืออาชีพ โดยยังมีอีกหลายจุดหมายความสำเร็จรอเราอยู่ในอนาคต

ในปี 2564 ที่ผ่านมา กองทุนรวมของ KWI มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) หลายกองทุนทำผลงานดีเยี่ยม และจัดอยู่ในอันดับ 1st quartile ของอุตสาหกรรมเกือบจะทุกช่วงเวลา เช่น กองทุน KWI ASIAN SM  กองทุน KWI EE EURO  กองทุน KWI USBANK  กองทุน KWI HCARE  และ KWI INDIA รวมไปถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้แก่กองทุน KWI ASIAN RMF และ KWI FLEX RMF  ซึ่งหากดูผลตอบแทนปี 2564 มีกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ถึง 5 กองทุน จากทั้งหมด 8 กองทุนอยู่ใน 1st quartile (ข้อมูลจาก Morningstar ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2564) 

 พร้อมขยายธุรกิจไปยังกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)  คลอดกองทุนใหม่ให้ลูกค้า PVD ได้เลือกลงทุน  KWI ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และเปิดให้บริการด้านการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเดือนพฤศจิกายน 2564   โดยเริ่มจากรูปแบบกองทุนร่วมหลายนโยบายการลงทุน (Master Pooled Fund) จัดตั้งในชื่อ ‘กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เคดับบลิวไอ มาสเตอร์พูล’ (KWI Master Pooled Fund) ซึ่งจะเน้นการจัดสรรเงินลงทุนผ่านกองทุนรวม (Mutual Fund) หลากหลายประเภท เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้นไทย กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ กองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เป็นต้น พร้อมรองรับการลงทุนแบบ Employee’s Choice ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนสามารถเลือกนโยบายการลงทุนแบบสำเร็จรูปหรือกำหนดสัดส่วนการลงทุนได้ด้วยตนเองตามความเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมทั้งได้ออกกองทุนเปิด เคดับบลิวไอ ตราสารหนี้ สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (KWI FIPVD) เพิ่มทางเลือกให้แก่สมาชิกกองทุน

นายสุเมธา ลิ่วเฉลิมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่สายงานการลงทุน  KWI กล่าวว่า ปัจจุบันสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศกำลังจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น ทั้งในภาคอุตสาหกรรมบริโภค อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

อีกทั้งยังเกิดธุรกิจใหม่ๆ ในด้านต่างๆ ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี เช่น Metaverse, AI, Robotics, Digital (NFT) asset, Fintech, Health Tech ในแง่ของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เช่น EV, Renewable Energy, Smart mobility และ Smart solutions ต่างๆ ส่งผลให้เกิด Ecosystem ใหม่ๆ ที่จะตามมาอย่างมาก เปิดกว้างสำหรับการลงทุนและเพิ่มโอกาสในการสร้างการเติบโตในอนาคต จึงเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการลงทุน

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์