“สุพัฒนพงษ์” พร้อมรับมือราคาพลังงานหากปัญหา “รัสเซีย-ยูเครน” บานปลาย

“สุพัฒนพงษ์” พร้อมรับมือราคาพลังงานหากปัญหา “รัสเซีย-ยูเครน” บานปลาย

“สุพัฒนพงษ์” ระบุ ราคาพลังงานสูงขึ้น ปัจจัยหลักมาจากรัสเซีย-ยูเครน และเศรษฐกิจฟื้นหลังโควิด-19 ย้ำดูแลราคาพลังงานใกล้ชิด ไม่ให้กระทบความเป็นอยู่ประชาชน หวังปัญหาการเมือง “รัสเซีย-ยูเครน” จะไม่บานปลาย ระบุ หากบานปลาย รัฐเตรียมแผนตรึงราคาเต็มที่

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กล่าวปาฐกถาและกล่าวเปิดงานสัมมนาออนไลน์ “2022 Next Economic Chapter : New Challenges and Opportunities ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19 จัดโดย ธนาคารกรุงไทยว่า ราคาพลังงานในช่วงนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเหตุจากปัจจัยภายนอกทางการเมืองต่างประเทศ และช่วงระบาดโควิด-19 เมื่อการแพร่ระบาดลดลงการใช้สินค้าอุปโภค บริโภคก็มากขึ้น

ทั้งนี้ ความต้องการใช้พลังงานก็เพิ่มมากขึ้นแต่กำลังการผลิตจึงไม่เพียงพอ จึงเป็นลักษณะที่ต้องแก้ไขในระดับสากล รัฐบาลยังใช้หลักดูแลราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินไปยังจะต้องให้อยู่ในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจให้ฟื้นฟูและเติบโตไปด้วย พร้อมกับราคาพลังงานของประเทศต้องตึงอยู่ในระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้

“สุพัฒนพงษ์” พร้อมรับมือราคาพลังงานหากปัญหา “รัสเซีย-ยูเครน” บานปลาย ทั้งนี้ ราคาพลังงานที่บอกว่าประเทศไทยแพงมากที่สุด เป็นตัวเลขที่ไม่จริง ไทยต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพราะฉะนั้นราคาพลังงานจะดูอย่างใกล้ชิดอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากไปกว่าประเทศที่อยู่ในแถบอาเซียนด้วยกันเอง ที่มีสถานะของประเทศที่มีการนำเข้าพลังงาน หากดูในภาพรวมอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศกลุ่มอาเซียนก็ไม่สูงมากนัก

“นี่คือสิ่งของความท้าทายระยะสั้นที่จะเกิดขึ้น ในปีนี้ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและหวังว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีแทรกเข้ามาการเมืองระหว่างประเทศรัสเซีย ยูเครน จะไม่บานปลาย หรือถ้าหากจะบานปลายรัฐบาลยังมีนโยบายที่จะต้องรักษาเสถียรภาพประคับประคองการฟื้นฟูประเทศให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าได้ต่อไป แล้วจะต้องดูราคาพลังงานในระดับที่รักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้ได้ต่อไปเช่นเดียวกัน”

ทั้งนี้ หากไม่บานปลายเชื่อว่า ไทยจะฟื้นตัวตามลำดับในมาตรการต่อไป การช่วยเหลือจะค่อยๆ ดีขึ้น ไทยมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี อาทิ ระบบราง ถนนจะทยอยเสร็จในปีนี้ ที่มีรถไฟ 2 สาย แล้วเสร็จ จะเป็นโอกาสส่งเสริมให้การเคลื่อนไหวหรือสภาพคล่องในการค้ามีมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจ" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว