สภาธุกิจไทย-รัสเซีย ประเมินความขัดแย้ง หวั่นผลกระทบรัสเซียถูกคว่ำบาตร

สภาธุกิจไทย-รัสเซีย ประเมินความขัดแย้ง หวั่นผลกระทบรัสเซียถูกคว่ำบาตร

สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย หวั่นรัสเซียโดนคว่ำบาตร กระทบนักธุรกิจไทย ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น ทำธุรกรรมผ่านธนาคารรัสเซียไม่ได้

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย เปิดเผยว่า สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยได้ติดตามข้อมูลกับนักธุรกิจรัสเซียมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันมีความตรึงเครียดเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นอยู่วิกฤติเพราะหลายฝ่ายยังพยายามหาทางออก 

และประเด็นที่นักธุรกิจต้องติดตามหลังจากนี้ คือ 1.สถานการณ์จะบานปลายหรือไม่ และจะจำกัดวงหรือพื้นที่หรือไม่ 2.ท่าทีของประเทศมหาอำนาจต่อความขัดแย้งนี้ เช่น สหรัฐ อังกฤษ

ทั้งนี้ สภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน 3 ระดับ คือ 

1.ผลกระทบต่อไทย โดยมองผลกระทบด้านการค้าระหว่างไทยและรัสเซียที่ในปี 2564 มีการค้าร่วมกัน 2,779 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปรัสเซีย 1,027 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกมากที่สุด คือ รถยนต์และอุปกรณ์ รองลงมาเป็นยางและผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป

ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 1,752 ล้านดอลลาร์ โดยน้ำมันดิบเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าเป็นอันดับ 1 และสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นเกิน 100 ดอลลาร์ จะทำให้ไทยมีโอกาสขาดดุลการค้ารัสเซียเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ในกรณีที่รัสเซียถูกนานาประเทศในมาตรการคว่ำบาตรจะทำให้การทำธุรกรรมระหว่างนักธุรกิจไทยและรัสเซียมีขั้นตอนและต้นทุนทางการเงินเพิ่มมากขึ้น เพราะนักธุรกิจไทยและรัสเซียจะไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินผ่านธนาคารในรัสเซียได้ และทำให้ต้องดำเนินการผ่านธนาคารในประเทศอื่น

2. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรป โดยจะได้รับผลกระทบจากผลกระทบการส่งก๊าซทางท่อจากรัสเซียผ่านยูเครนเข้าสู่ยุโรป ซึ่งอาจทำให้ยุโปรมีปัญหาขาดแคลนพลังงาน และที่ผ่านมาสหรัฐได้ยื่นข้อเสนอขนส่งพลังงานทางเรือแต่ต้นทุนของพลังงานจะสูงขึ้น โดยเฉพาะเยอรมันที่พึ่งพาพลังงานจากรัสเซียในปริมาณสูง

3. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นเกินบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์ ในระยะเวลาอีกไม่นาน โดยเฉพาะในกรณีที่มีการใช้มาตรการคว่ำบาตรจะเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบให้สูงขึ้นเร็ว และจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก เพราะราคาสินค้าและต้นทุนการขนส่งสินค้าจะสูงขึ้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสสูงเกินกว่าบาร์เรลละ 90 ดอลลาร์ มาระยะหนึ่งแล้ว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลในขณะนี้อยู่ที่ความไม่แน่นอนของสถานการณ์หลังจากที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รับรองดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และลูฮันสก์ เป็นรัฐอิสระ ซึ่งรัฐดังกล่าวอยู่ทางตะวันออกของยูเครน พร้อมทั้งประกาศว่ารัสเซียจะส่งกองกำลังเข้าไปเพื่อรักษาสันติภาพ แต่รัสเซียจะไม่ตอบโต้หรือบุกในทันทีหากไม่ได้รับการร้องขอ เพราะมีบทเรียนจากเหตุการณ์ในซีเรีย