"แอร์เอเชีย" จี้รัฐปลดล็อกเดินทาง รุก ‘รีจินอล คอนเน็คชั่น’ เจาะดีมานด์ใหม่

"แอร์เอเชีย" จี้รัฐปลดล็อกเดินทาง รุก ‘รีจินอล คอนเน็คชั่น’ เจาะดีมานด์ใหม่

ภาคเอกชนท่องเที่ยวยังคงสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเงื่อนไข “การเปิดประเทศ” ว่าอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในช่วงที่หลายๆ ประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการเดินทาง แข่งกันดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมากขึ้น หลังเผชิญวิกฤติโควิด-19 มายาวนานกว่า 2 ปี!

ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ถือหุ้น 100% ในบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า เป็นห่วงว่าการเปิดพรมแดนล่าช้า จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาแย่อีกครั้ง และถึงแม้จะมีการเปิดพรมแดน แต่ความยุ่งยากของเงื่อนไขการเดินทางยังมีอยู่ ยังเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางอยู่ดี! จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งพิจารณาผ่อนคลายเงื่อนไขการเดินทางที่เป็นอุปสรรคเหล่านี้

อย่างกรณีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย ปัจจุบันต้องรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR รวม 3 ครั้ง แบ่งเป็นการตรวจจากประเทศต้นทาง 1 ครั้ง และรับการตรวจอีก 2 ครั้งเมื่อเดินทางถึงไทย ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเฉพาะค่าตรวจ RT-PCR รวมไม่ต่ำกว่า 7,500 บาท หากปรับมาเป็นตรวจด้วย ATK แทน ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้มาก นอกจากนี้ต้องการให้รัฐบาลปรับลดวงเงินประกันโควิด-19 จากปัจจุบันอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐด้วย

“เราอยากให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว เป็นแรงหนุนเศรษฐกิจไทย ไม่อยากให้มีเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางท่องเที่ยว เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเหมือนเราฝันร้าย ปีนี้ควรตื่นจากฝันร้ายได้แล้ว จึงมองว่ารัฐบาลอย่ากล้าๆ กลัวๆ ในการเปิดประเทศ ไม่เช่นนั้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็จะเป็นแบบกล้าๆ กลัวๆ ไปด้วย”

สำหรับตลาดเส้นทางบินระหว่างประเทศ ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียกลับมาให้บริการแล้ว 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ และกรุงเทพฯ-พนมเปญ โดยตามแผนในเดือน มี.ค.นี้ เตรียมกลับมาเปิดเส้นทางบินสู่สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งขณะนี้รอประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับนโยบายการเปิดประเทศของประเทศเป้าหมาย

“แม้ตลาดหลักอย่างนักท่องเที่ยวจีนจะยังเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ตามนโยบายคุมเข้มของทางการจีน แต่เราก็ต้องไปเคาะประตูบ้านคนอื่นด้วย อย่าปล่อยให้หายไปทุกตลาด โดยเฉพาะในอาเซียน ต้องร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวให้กลับมา”

ด้านกระแสข่าวใหญ่จัด “ศึกแดงเดือด” ครั้งแรกในเอเชีย! ระหว่างสโมสรฟุตบอลดังของอังกฤษ “ลิเวอร์พูล” ปะทะ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ภายใต้ชื่องาน THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” วันที่ 12 ก.ค.2565 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ทางไทยแอร์เอเชียอยู่ระหว่างหารือและประสานกับ วินิจ เลิศรัตนชัย บิ๊กบอสแห่ง เฟรชแอร์ เฟสติวัล เพื่อออกแพ็คเกจรวมตั๋วเครื่องบินและบัตรเข้าชมการแข่งขัน ดึงนักท่องเที่ยวจากอาเซียนเข้าชมศึกแดงเดือด

สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น บจ.ไทยแอร์เอเชีย กล่าวเสริมว่า ต้องหารือกับทางเฟรชแอร์ฯเพิ่มเติมว่าจะดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดไหนเป็นหลัก เนื่องจากประเทศในอาเซียน ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ต่างมีฐานแฟนคลับของทั้ง 2 สโมสรจำนวนมาก ประกอบกับแนวโน้มสถานการณ์ในเดือน ก.ค.นี้น่าจะสามารถทำการบินระหว่างประเทศได้มากขึ้น แต่ก็ขึ้นกับเงื่อนไขการเดินทางด้วยว่าจะมีการคลายล็อกมากน้อยแค่ไหน

โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปปิตอล เอ (เดิมชื่อ กลุ่มแอร์เอเชีย) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนที่ประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ต่างๆ กล่าวว่า ปีนี้สายการบินในกลุ่มแอร์เอเชียจะเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ๆ ภายใต้กลยุทธ์ “รีจินอล คอนเน็คชั่น” (Regional Connection) เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียมากขึ้น เช่น จาการ์ต้า-หัวหิน ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักเมืองรองใหม่ๆ เส้นทางบินใหม่ๆ สร้างดีมานด์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ธุรกิจการบินหลังโควิด-19 คลี่คลาย โดยมั่นใจในศักยภาพของแอร์เอเชียซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดเส้นทางบินใหม่ๆ เพราะในช่วงที่ผ่านมากว่า 60% เป็นการเปิดเส้นทางบินเชื่อมเมืองใหม่ๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯกับภูเก็ต เช่น กัวลาลัมเปอร์-หัวหิน และกัวลาลัมเปอร์-เชียงใหม่

ขณะที่วานนี้ (21 ก.พ.) ได้เปิดตัว “แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ” (airasia super app) อย่างเป็นทางการในประเทศไทยครั้งแรก! ครอบคลุมบริการด้านการท่องเที่ยว อี-คอมเมิร์ซ และฟินเทคครบวงจร หลังจากกลุ่มแอร์เอเชียสั่งสมประสบการณ์ตลอด 20 ปีในฐานะผู้นำสายการบินราคาประหยัดซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และเป็นผู้นำในตลาดอาเซียน

โดยคาดว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้จะมีสัดส่วนรายได้ที่ไม่ได้มาจากสายการบิน (นอน-แอร์โรว์) เพิ่มเป็น 50% จากรายได้รวมของกลุ่ม โดยปัจจุบันแอร์เอเชียซูเปอร์แอพมีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า 50 ล้านคนต่อเดือน และคาดว่าจะมีผู้ใช้งานมากกว่า 104 ล้านคนต่อเดือนภายในปี 2569

วรุฒ วุฒิพงศาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสและการเติบโตสูง ไม่เฉพาะจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวชั้นนำในภูมิภาคเท่านั้น แต่รวมไปถึงธุรกิจด้านรายจ่ายในชีวิตประจำวันที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ โดยแอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพได้ปรับกลยุทธ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เชื่อว่าสินค้าและบริการใหม่ๆ จะสามารถตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนไทยได้อย่างดี

ทั้งนี้ แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ ยังวางกลยุทธ์ให้ “กลุ่มท่องเที่ยว” เป็นธุรกิจสำคัญ ซึ่งประกอบไปด้วยการเป็น “ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวครบวงจร” (Online Travel Agent) ทั้งการให้สำรองที่นั่งตั๋วเครื่องบินทั้งกลุ่มสายการบินแอร์เอเชียและสายการบินชั้นนำอื่นๆ กว่า 700 สายการบิน บริการจองห้องพักและโรงแรม รวมทั้ง snap บริการจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักซึ่งตอบโจทย์การเดินทางและกำลังเติบโตอย่างดีในไทย